Graveyard No.7

ผ้าเช็ดตัว     “คุณเป็นยังไงบ้าง”   ชายหนุ่มถาม ยิ้มให้ เขาขึ้นมาจากสระตัวเปียกมะล่อกมะแล่ก สวมกางเกงขาสั้นสีดำ เสื้อยืดสีขาว ผมรองทรงสั้น หยิบแว่นบนไม้กระดานท่าน้ำที่เรานั่งอยู่ด้วยกันมาสวม   ฉันอยู่กับพ่อแม่ได้สักพักแล้ว แม่บอกว่า ‘ถ้ายังคิดอะไรไม่ออกก็กลับมาบ้านก่อน’   “ก็ดีนะ” ฉันยิ้มตอบ รู้สึกกลวงๆ ในใจมีก้อนมวลเปล่าแต่แน่นโหวงอัดอยู่   มวลนั้นคือเวลา   เขาเอียงคอจ้องฉงน   “ถ้าไม่สบายใจก็ไม่เห็นต้องโกหกนี่” เขาเอ่ย   ฉันเบือนหน้าหนี บ่ายนั้นเงียบเฉา เกลียดแดดเศร้า เห็นวันเวลาที่ไม่ต้องการในดวงอาทิตย์   “พอตายแล้วเราไม่โกหกหรอกนะ” เขาปัดป่ายเนื้อตัวเช็ดน้ำ   ฉันหัวเราะ ตาคนนี้ไร้เดียงสาชะมัด   “ใครห้ามเหรอ” ฉันถาม   “ตัวเราเอง” เขาตอบ “ไม่ใช่ว่าห้ามตัวเอง แต่ไม่ทำ โกหกไม่ใช่ของจำเป็นขนาดนั้นอีก ก็ยังโกหก แต่น้อยมากๆ ร้องไห้บ่อยกว่าอีก”   ฉันไม่เข้าใจที่เขาพูดเลย   “ถ้าฉันถามอะไรก็จะตอบงั้นเหรอ?” […]

Read More

Graveyard No.6

ขอให้อยู่   เถ้าแก่ตึกถามว่า ‘กลัวไหม’ เธอส่ายหน้า เห็นท่าไม่ใส่ใจแกมรำคาญแกก็หวังว่ากูคงได้คนที่ต้องการแล้ว   หวังไว้คนที่เท่าไหร่แกก็ไม่ได้นับ   แกย้ำให้เข้าใจและเห็นใจว่า ‘ถ้าเธออยู่ได้ คนก็จะค่อยๆ กลับมา’   เธอพยักหน้า ต้องเอาอยู่แล้ว ห้องนี้ชั้นนี้ไม่คิดค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ เธอก็มีความหวังขึ้นอีกโข   มันเจ็บเศร้าอย่างหนึ่งว่าถ้ารักไม่เหมือนคนอื่นก็ต้องกินความหวังเข้าไปมากๆ ให้มันอิ่มลม ไม่งั้นก็อยู่ไม่ไหว   วันไปคุยเรื่องเช่าห้องเธอยังกอดต้นฉบับที่วาดค้างๆ ไว้แน่น มันอยู่กับเธอมาสี่เดือนแล้ว เส้นตายเห็นในสายตา แต่ทุกวันก็เหนื่อยงานที่ออฟฟิศเหลือเกิน   เมื่อเดือนก่อนชายหนุ่มผู้เป็นบรรณาธิการสำนักพิมพ์บอกเธอว่าถ้าไม่ทันก็คงต้องล้มเลิก เขาชินชาแล้ว เสียดายแต่โอกาสของมือสมัครเล่น เธอมีมือที่โตได้อีกไกล   ไปได้อีกไกล… เธอฟังคำนั้นแล้วสงสารตัวเอง   เธอลาออก ปิดไม่ให้ใครรู้ หอบข้าวของจากที่พักเก่ากับเงินเก็บก้อนเท่ากำปั้นไปตายกับความหวังอยู่เงียบๆ   3 วันแรกมานอนที่นี่เธอได้ยินเสียงกระซิบพร่าข้างหูปลุกตื่น เสียงนั้นถามว่า ‘ทำอะไรอยู่’   เธอมองไปที่โต๊ะ นิยายภาพลงสีไว้ยังวางค้าง   เธอตอบกลับเสียงนั้นว่า ‘วาดนิยาย’   ไม่รู้หรอกว่าหญิงหรือชาย […]

Read More

Graveyard No.5

ผู้โดยสาร   ช่วงนี้นึกอะไรไม่ค่อยออก ว่างเว้นเขียนเรื่องมาพักใหญ่ จับอะไรประติดประต่อเป็นเรื่องก็อ่านแล้วน่าเบื่อรำคาญใจ   แต่ถึงเวลามันต้องมีงานส่ง จวนตัวแล้วก็ต้องหาเข้าสักเรื่องให้ได้ คิดว่าเรื่องนี้คงไม่ร้ายเหลือเกินท่านจะทนอ่านกัน   ปกติแล้วเรื่องจริงผมสงวนไว้เล่าสู่มิตรสหายรอบๆ ตัวเท่านั้นเอง ถามว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ก็คงเพราะกลัวเขาจะหัวเราะเยาะเอาว่าไร้สาระ สู้เขียนให้รู้ว่าเรื่องผีแต่งไร้สาระเสียเลยเขาจะยังรับได้กว่า   แต่อย่างว่า ครั้งนี้มันจวนตัวเข้าแล้ว   จริงๆ ผมเป็นคนที่ตาเนื้อไม่เห็นผี จะเห็นก็ในฝัน แต่ในฝันนี่จะรู้ได้ยังไงว่าผีจริงหรือผีแต่งมันก็สุดจะแยกออก สรุปว่าไม่เคยเจอแล้วกัน   แต่น้องชายที่เป็นลูกน้านั้นเขาเห็น เห็นเป็นจริงเป็นจังเหมือนคนเป็นๆ เดินปะปนไปนี่แหละ ถามว่าแยกออกได้ยังไง บางทีก็แยกได้บางทีก็แยกไม่ได้ ถ้ามีเลือดมีร่างเหลวแหลกก็รู้ว่าตาย แต่บางทีเดินมาเนื้อตัวดีๆ เหมือนคนธรรมดา   ครั้งหนึ่งเขาเดินหาของกินช่วงเย็นๆ หลังเลิกเรียน เห็นคนแห่เดินตามเป็นขบวน คนแก่นำหน้าอุ้มกระถางธูป เขาก็นึกว่าผู้หญิงรั้งท้ายนั่นก็ญาติที่มาร่วมพิธี (ทำกับคนตายโหง ไปพาจากที่ตายกลับบ้าน) เนื้อตัวเจ้าหล่อนก็ปกติดีทุกอย่าง แต่แปลกตรงลมตีเสื้อคนอื่นสะบัดไหว ก็เลยรู้ว่าหล่อนนี่แหละที่คนเขาไปพากลับบ้าน   น้องชายเคยเรียนกรุงเทพฯ กรุงเทพฯ นี่แยกยากมาก คนเดินเบียดเสียดไม่มีทางรู้เลยว่าที่สวนไปนั้นคนหรือเปล่า อากาศก็อึดอัดหายใจยาก เขาเป็นคนที่หากเดินผ่านภูตผีแล้วจะอึดอัดเพราะกลิ่นอายพวกนี้ แน่นหายใจไม่ออกจะเป็นลมก็มี แต่พอเป็นกรุงเทพฯ ก็ไม่ค่อยจะรู้ว่านี่ยังเป็นคนหรือไม่เป็นคน ที่จะแยกออกก็คงเป็นผม […]

Read More

Anthill Archive, MARCH 2018

สิ้นเดือนมีนาคม เข้าเดือนที่สองของเว็บนี้แล้ว ตลอดเดือนมีนาคมนี้รังมดของเราอัพเดตอะไรไปบ้าง มาสรุปรวมกันดูดีกว่า เผื่อใครพลาดเรื่องไหนจะได้ตามไปย้อนอ่านกันเนอะ * SHORT LIT * NIX x N’Konpui สุสานจิ้งจก มะลิสีนิล สังสรรค์สามสหาย *PISMIRE จนกว่าเราจะพบอดีต – สมุด ทีทรรศน์ ส่งต่อ – นันดานี   *Flash Fiction Flash Fiction No.3 – Understand Flash Fiction No. 4 – Delete Flash Fiction No. 5 – Meaning Flash Fiction – Cybernetic Love   *Translation ครีษมายัน [The Summer Solstice] (1947) […]

Read More
error: