Flash Fiction No. 5 – Meaning
Flash Fiction
เดือนมีนาคม หัวข้อ Meaning
โดย ชินรัตน์ สายอุ่นใจ
ลับมีด
อยู่ๆ เขาก็ล้มลงกับโต๊ะประจำตัวที่สำนักงาน หลับไป 3 สัปดาห์ ตื่นขึ้นอีกครั้งที่โรงพยาบาล
สามเดือนต่อมาเขาต้องเกษียณก่อนกำหนด หมอแนะนำ เพื่อให้มั่นใจว่าหัวใจจะยังเต้นต่อไป
ตลอด 1 ปีหลังเกษียณ เขาตกอยู่ในสภาพที่อาจร้องไห้ได้ทุกเวลา
เขาอ่านหนังสือ ยังแชทกับกลุ่มเพื่อน ดูละครหลังข่าว และมีปัญหากับรีโมทโทรทัศน์จนต้องให้ลูกชายมาแก้ วันๆ หนึ่งเขามีเรื่องที่อยากจะทำ แต่เขาก็ยังร้องไห้
ลูกชายต้องคอยปลอบว่าไม่ต้องกลัว เขาไม่ได้กลัวตาย แต่กลัวที่มันเป็นอยู่นี้ ไม่ว่าจะทำอะไรก็เศร้าโหวงล้นขึ้นมา พอมันท่วมใจเขาก็ร้องไห้ เขาคิดวนเวียนจะทิ้งตัวเองลงในบึงน้ำหลังบ้านเป็นบางครั้ง
เขาอยู่กับลูกชายคนโต เมีย หลาน สะใภ้ และก็อย่างบ้านทั่วๆ ไปที่ไม่เคยลับมีดทำครัว จนแม้แต่ผักก็ยังต้องเถือเหมือนหั่นเนื้อ พอรำคาญมากๆ เข้าเขาก็เปิดอินเตอร์เน็ตหาวิธีลับมีด
ตั้งแต่วันนั้นเขาก็ลับมีดมาตลอด เดินทางไปทั่วหาก้อนหินมาลองลับมีด ลับคมขนาดว่าทิ้งมีดลงมาตัดกระดาษที่พับตั้งไว้ขาด 2 เสี่ยง วันๆ เขาเอาแต่ลับมีดทั้งของบ้าน ทั้งของคนอื่น
มีคนถามว่าทำไปทำไม เขาว่าตนเองก็อยากรู้ แต่เขาหยุดร้องไห้ และอิ่มใจ
เพลง
ปีนี้เธอ 28 ทำงานเข้าปีที่ 5
นานพอความรู้สึกร้อยแปดจะมีแต่เฉดเศร้า
ตั้งแต่เข้ามหา’ลัย เมื่อได้กลิ่นดอกไม้ในลมฤดูร้อนเธอก็ไม่อาจรู้สึกแบบที่เคยมาตลอด เธอไม่รู้สึกอะไรเลย
อยากจำได้
เธอกลับมาฟังเพลงเก่าในวัยเด็กที่เคยฟังซ้ำๆ จนเบื่อ เธอชอบตัวเองในตอน ม.ต้น ยังเป็นเด็ก ความทรงจำชัดเจน ซนแก่น ก้าวร้าว เริ่มค้นพบโลกข้างนอก เสียใจและโกรธเคืองเป็นแต่ไม่รู้จักเศร้า (เศร้าเหมือนฝุ่นโรยเคลือบทุกๆ อย่าง)
ไม่ใช่แค่เมื่อได้กลิ่นดอกไม้ในลมฤดูร้อน แต่ความรู้สึกอื่นที่ลืมไปก็กลับมา
เธอฟังมันซ้ำๆ จนผ่านปีที่ 28 ไปได้
แต่สูญเสียเพลงเหล่านั้นไปทั้งหมด
เพลงไม่ได้หาย แต่ความรู้สึกไม่กลับมาอีก
เธอนึกว่าความรู้สึกเหล่านั้นจะฝังอยู่ในเพลงเสมอ แต่เพลงดูดซับความทรงจำและความรู้สึกใหม่ตลอดเวลาที่วนฟัง เธอไม่รู้ว่าบทเพลงเป็นสิ่งอ่อนไหว
เพลงเหล่านั้นยังไพเราะ แต่ไม่หลงเหลือวัย ม.ต้น มีเพียงอายุ 28 และความรู้สึกวนเวียนซ้ำๆ ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย
ความทรงจำที่ไม่มีความรู้สึกในวันเก่าเป็นเพียงภาพแห้งเฉา ความทรงจำดูเหมือนหายไปทั้งที่ยังอยู่ กลายเป็นสิ่งที่มีอยู่จริงข้างในแต่เอื้อมแตะไม่ได้ เพราะกุญแจไม่อาจเป็นกุญแจต่อไป
ดื่ม
ผมพบวิธีทำงานกับเหล้า 2 แบบ
หนึ่ง ใช้บรรเทาความรู้สึกตัวเอง
ไม่ใช่เพียงเศร้า บ่อยครั้งไม่ได้เศร้า แต่ว่างเปล่า
ผ่านเวลาอย่างมีสติรู้ตัวไม่ได้ ไม่อยากรับรู้เวลา
หลายครั้งดื่มเพราะรู้สึกไม่มั่นคง เขียนคำได้คำหนึ่งก็รู้สึกรุนแรงแล้ว เพราะรู้ว่าคำจะแตกกิ่งก้านเป็นสิ่งใด
สอง และเพราะต้องเขียนให้จบ ผมจึงดื่ม
ไม่ใช่เพื่อปลดปล่อยถ้อยคำเฉกเช่นผู้อื่น แต่เพื่อไม่รับรู้
ปิดความรู้สึก ทำให้สมองเปลี้ยเกินใช้ตรรกะจับผิด ตื่นแล้วค่อยแก้ไขงาน เศร้าก็จริงเมื่อได้อ่านแก้อย่างมีสติ แต่งานก็บรรลุเป้าหมายชวนโล่งใจ เฉพาะสภาพนี้ผมจึงเขียนให้ทันเวลาได้ หากมีสติตลอดคงโยนต้นฉบับทิ้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่คืบหน้าไปไหน
หมอเตือนว่าโง่ที่ดื่ม ผมรู้ว่าโง่ แต่บางทีก็ไม่อยากกินยาที่หมอให้ เกลียดผลข้างเคียง
ผมฉลาดพอจะรู้ว่าหากวันไหนกินยาจะกินเหล้าไม่ได้ ไม่อย่างนั้นก็อาจหลับตายอย่างเบาสบาย
แต่ยังไม่ต้องการ