ขณะนี้เป็นเวลาตามนาฬิกาลวงหลอก – อิสระ พันธ์ุยาง

 

กลิ่นความตายอบอวลข้าพร้อมลาลับ….

คำรักลวงหลอก….กระซิบบอก…. ซ้ำซาก….

งมงาย…. รอคอยรู้ว่าเป็นไปไม่ได้….

เจ็บปวดทุรนทุราย…. พาข้าจากไปเสียที….

วิญญาณจะดับสูญ…. ลืมทุกอย่าง…. หมดสิ้น….

 

ควันสีเทาลอยอ้อยอิ่งเคว้งคว้างอยู่เหนือดวงตาพร่าเลือนของคุณ  กลิ่นขมฝาดอบอวลในโพรงจมูก รสชาติพาผ่อนคลาย ทว่าจิตใจกลับร้าวระทม

 

คุณเอื้อมมือกดปิดเสียงอ่านบทกวีของตนเอง วางโทรศัพท์ไว้ตรงหน้า หลับตาลงพลันเห็นรอยยิ้มเย็นชาของใครคนหนึ่ง คุณจ้องมองนานกว่าเวลาจะให้โอกาส  ความร้อนที่ปลายนิ้วฉุดคุณกลับมายังปัจจุบัน  คุณขยี้ก้นกรองลงจานพลาสติก เหม่อมองเมล็ดข้าวและเศษซากปลากระป๋อง ซอสแดงสดเปรอะขอบจานชวนให้นึกถึงความฝันคืนนั้น

 

ความมืดโปรดโอบกอดข้า…. พาวิญญาณข้าสู่ดินแดนแสนไกล….

นานแค่ไหน…. หรือไม่มีวัน….

นี่หรือการตอบแทน…. ทุกสิ่งอย่าง….

ข้าต้องการความตายชำระล้างความหม่นเศร้า….

 

อีกมวนคีบด้วยสองนิ้วคล้ำดำ บทกวีครางต่อจากวรรคก่อน เสียงแหบพร่าของคุณตอนนั้นสะท้อนความเป็นไปตอนนี้ คุณไม่มีใคร นอกจากตัวเอง

 

 ข้าต้องการความตาย…. ชำระล้างความหม่นเศร้า….

 

หลังดื่มเบียร์กับเพื่อนเก่าไปหลายขวด คุณโบกแท็กซี่ให้พามาที่นี่  คุณเปิดประตูเข้าไป เปลื้องผ้า เดินเซไปหยิบกระปุกยาเม็ดสีเหลืองเล็ก เทใส่ฝ่ามือสามสี่เม็ด กรอกลงคอแล้วน้ำตาม เปิดเพลง Sorrow Memories จากเครื่องเล่นซีดี  ปิดไฟ  ล้มตัวบนเตียง ปล่อยความรู้สึกนึกคิดล่องลอยตามท่วงทำนอง

 

อาคารที่คุณยืนงุนงงอยู่นี้ ตกแต่งด้วยภาพวาดนามธรรมนับร้อยชิ้น ผู้คนหลายร้อยชีวิตยืนแน่นิ่งราวหุ่นปั้น คุณออกเดินสำรวจ  ไม่พบร่องรอยใดในความทรงจำ จู่ ๆ เสียงประกาศตามสายดังขึ้น คุณมองลนลานไปทั่ว ผู้คนแน่นิ่งไม่สนใจ

 

“ท่านผู้โดยสารโปรดทราบ ขณะนี้ รถทัวร์ที่จะเดินทางไปจังหวัด…..”

 

สองเท้าพาคุณมาหยุดยืนเหนื่อยหอบตรงหน้าประตูบานใหญ่ คุณพบหญิงสาวชุดขาวนั่งเรียงแถวบนม้านั่งยาวราวสิบคน พวกเธอมีใบหน้าคล้ายกัน กะพริบตาพร้อมกัน มือทั้งสองกุมไว้บนตักเหมือนกัน คุณประหลาดใจเมื่อพบว่าริมฝีปากของพวกเธอแต่ละคนซีดเซียวราวกับศพ สันจมูกบิดงอมีคราบเลือดเกรอะกรัง โค้งคิ้วลู่ลงต่ำ เส้นผมแห้งแตกหยิกยาวยุ่งเหยิง แววตาพวกเธอที่มองมาทำให้คุณคิดถึงใครบางคน

 

“ท่านผู้โดยสารโปรดทราบ ขณะนี้ รถทัวร์ที่จะเดินทางไปจังหวัด…..”

 

เสียงตามสายดังขึ้นอีก คุณละสายตาจากพวกเธอแล้วออกเดินตามเสียงนั้นไป

 

“จะไปไหน!!!!! กลับมา!!!!”

 

คุณหยุดชะงักแล้วหันกลับ พวกเธอเปล่งเสียงขึ้นพร้อมกันอีกครั้ง คุณทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ยกมือป้องหู ก้มหน้าหลับตา

 

“จะไปไหน!!!!! กลับมา!!!!” เสียงเล็กแหลมเหล่านั้นผสานกันแน่นราวกำแพงหนามเคลื่อนตัวเข้าบีบอัด คุณกัดฟันทน ในความนึกคิดสับสนปนเป

 

เกือบชั่วโมงเสียงนั้นจึงเงียบหาย คุณยืนขึ้น  ไม่เห็นพวกเธอแล้ว เท้าก้าวออกไป พลันสั่นสะท้านกับภาพเบื้องหน้า ซากรถทัวร์ด้านหน้ายุบติดผนัง ส่วนท้ายผุพังยื่นออกมา เศษกระจกเกลื่อนพื้น คล้ายได้กลิ่นคาวเลือดไม่ห่าง ตัวคุณสั่นเหมือนเจ้าเข้า เมื่อเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้น ล้อบิดเบี้ยวนั้นค่อย ๆ หมุน ควันสีดำอมแดงพลุ่งจากท่อไอเสียบิดงอ เสียงแตรลากยาวโหยหวน มันพยายามถอยหลังออกมาจากผนัง เศษปูนหล่นกระเด็นกระดอน ตัวอาคารสั่นสะเทือนโยกไหว คุณก้าวขาไม่ออก ได้แต่จ้องมองเหตุการณ์เบื้องหน้า เสียงเครื่องยนต์กระหึ่มอื้ออึง ตัวรถเคลื่อนถอยออกมาจวนเห็นส่วนหน้า ในที่สุดมันก็ถอยออกมาตั้งลำจนได้  คุณพินิจซากรถทัวร์อย่างละเอียด มันคลับคล้ายคลับคลาในความทรงจำ แต่สภาพบุบยับเช่นนี้  ทำไมมันยังวิ่งได้ แล้วมันจะวิ่งไปไหน ใครขับ ใครโดยสาร

 

“อ้าว! เร็ว ๆ รถจะออกแล้ว พ่อหนุ่ม” ใครสักคนตะโกนดังลั่น

 

 

ควันสีเทาอ้อยอิ่งเคว้งคว้างอยู่เหนือดวงตาพร่าเลือนของคุณ กลิ่นซาบซ่านอบอวลในโพรงจมูก รสชาติพาผ่อนคลาย ทว่าในจิตใจกลับร้าวระทม

 

คุณหยุดเสียงอ่านบทกวีและภาพฝันเมื่อครู่ไว้ เงยหน้าดูนาฬิกาแขวนผนัง เข็มวินาทีสะกดคุณไว้ชั่วขณะ รอยยิ้มเย็นชาของใครคนนั้นผลุดขึ้นกะทันหัน คุณมองรอยยิ้มนั้นไปพร้อมเข็มวินาทีที่ดูเหมือนกำลังจะหยุดเดิน  แล้วคุณก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู รอปลายสายอย่างจดจ่อ สัญญาณลากยาวสามสี่ครั้งก่อนถูกตัด คุณเงยหน้ามองนาฬิกาพร้อมถอนหายใจ คุณลองอีกครั้ง เป็นเช่นเดิม แต่คุณยังดึงดัน

 

“ไม่สามารถติดต่อเลขหมายปลายทางได้ในขณะนี้”

 

คุณจุดอีกมวนยัดใส่ปาก เดินเข้าห้อง หยิบสมุดบันทึกพร้อมปากกา วางมันลงบนโต๊ะกินข้าว นั่งอัดควันครั้งแล้วครั้งเล่า หากคุณไม่เขียนอะไรออกมาสักอย่างในตอนนี้ คุณต้องบ้าตายแน่ ๆ

 

17/11/62 เป็นเวลาตามนาฬิกาลวงหลอก
กูควรจะตายไปนานแล้ว กูมัวทำห่าอะไรอยู่ตอนนี้ ชีวิตกูผิดพลาดล้มเหลวเกินให้อภัย ใคร ๆ แม่งก็สมเพชกูทั้งนั้น อีกแล้ว เพราะความรักอีกแล้ว ครั้งแล้วครั้งเล่าไม่เคยเข็ด ทำไมแม่งต้องเป็นแบบนี้ด้วยวะ จะให้หัวใจใครไป ทำไมผลที่ได้ตอบแทนกลับมาแม่งต้องเป็นแบบนี้ด้วย กูเลือกเขาแล้ว ทิ้งทั้งลูกทั้งเมียเพื่อรอเขา แต่ความรักของเขามันไม่เหมือนของกู เขาไม่ยอมทิ้งลูกทิ้งผัวมา เขาบอกรักกู รักมาก อยากดูแล อยากอยู่เคียงข้าง อยากเป็นเงาติดตามตลอดไป แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเป็นอย่างที่พูดสักอย่าง แล้วจะรักกูเพื่ออะไร บอกรักกูทำไม ไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยเหรอวะ หรือใครแม่งก็เห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น ทุกคนอยากถูกต้องในสายตาคนอื่น กูไม่สนความถูกต้องห่าเหวอะไรทั้งนั้น กูรัก กูพร้อม กูเลือกแล้ว แต่มันผิดพลาดไปหมด ที่กูลาออกจากงานมาก็เป็นเพราะเขา กูอยู่ที่นั่นไม่ได้ถ้าไม่มีเขา ทำไมทุกคนจ้องจะเสือกเรื่องของกูด้วย อย่าอ้างว่าเป็นห่วง กูไม่เชื่อ พวกแม่งแค่อยากรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนมีจริยธรรม ทำสิ่งที่ถูก สุดท้ายแม่งก็เหมือน ๆ กันหมด สุดท้ายกูต้องจมอยู่กับสิ่งที่กูเลือก แต่เขาไม่ได้เลือก……

 

คุณวางปากกาลง ลุกขึ้นเดินไปมารอบบ้านของคนอื่น หยุดมองเศษอาหารบนจาน ใช้นิ้วกลางเขี่ยคราบซอสแดงฉ่ำไปมาพร้อมดูเข็มนาฬิกา สักพักคุณเริ่มสะอึกสะอื้น หายใจหอบถี่ เพิ่มแรงเขี่ยจนจานหล่นแตก คุณสะดุ้งพลันยกนิ้วขึ้นมอง น้ำตาคุณค่อย ๆ ไหล เสียงเข็มวินาทีกังวานในหัว คุณหลับตาแล้วดูดเลียนิ้วกลางตนเอง ปล่อยความทรงจำนำคุณกลับไป แล้วคุณก็ลืมตา มองดูนาฬิกาอีกครั้ง ก่อนจะใช้นิ้วโป้งข้างเดียวกันสัมผัสรอยย่นซีดของนิ้วกลาง เสียงเข็มวินาทีกระชากคุณกลับมาอีกครั้ง คุณหยิบบุหรี่อีกมวนจุดสูบ อัดมันเข้าไปจนแสบคอ กระหายน้ำขึ้นมา ควานหาไม่เจอ เข้าห้องน้ำเปิดก๊อก มือรองปากรับ กลืนไปสองสามอึก แล้วออกมานั่งที่เดิม

 

“ไม่สามารถติดต่อเลขหมายปลายทางได้ในขณะนี้”

 

ความดึงดันดื้อด้านของคุณทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ความรู้สึกอึดอัดโกรธเคือง คับแค้น สุมรุมในอกจวนระเบิด คุณไม่พยายามเรียกสติตนเองกลับมา สิ่งที่ตอบสนองคุณได้ตอนนี้คือการเขียน แต่มันเขียนอะไรไม่ออกแล้ว บางความรู้สึกกลั่นออกมาเป็นอักษรไม่ได้ คุณไม่สามารถทำได้

 

ทอดร่างในเงาความตาย…. ดิ่งลงลึก…. ไม่หวนคืน….

หมดถ้อยคำพรรณนา…. ถึงเวลา…. ต้องไป…. จากความระทม….

หาจุดยึดเหนี่ยว…. ไม่มีให้คาดหวัง…. ถ้อยคำนั้นกรีดเฉือนจวนเจียนดับ….

เมฆดำทะมึน…. โอบล้อม…. วิญญาณข้า…. ไม่หวังตื่นลืมตา…. ตราบนานเท่านาน….

อยู่อย่างไร…. ในกาลนี้….เสียงเรียกร่ำจากความตาย…. เชิญชวนข้าหลุดพ้น… จากจองจำ

ไม่อาจรั้งสิ่งใดไว้…. เหม่อมองความมืดในความเหงาร่ำร้องเงียบเชียบเพียงลำพัง

โบยบินเถิดวิญญาณบาป…. ไปสู่หนแห่งอื่น…..

 

เสียงอ่านบทกวีดังขึ้นกลางความเงียบงันของบ้านหลังนี้ ความมืดสลัวกำลังกลืนร่างคุณให้ดำดิ่งลึกลงในความรู้สึก คุณกดปุ่มให้มันเล่นซ้ำ เร่งเสียงดังขึ้น กอดเข่าบนเก้าอี้ จ้องมองแสงไฟจากโทรศัพท์ คุณหมดหนทางต่อสู้กับสภาวะนี้ คุณปล่อยอารมณ์ตามทำนองเหล่านั้น บางถ้อยคำกรีดเฉือนจนคุณน้ำตาไหล และขณะเดียวกัน ภาพฝันเมื่อคืนก่อน ผุดขึ้นในห้วงคิด คุณตามติดเข้าไปคล้ายจะถอดวิญญาณคืนสู่ฝันนั้นอีกครั้ง

 

“อ้าว! เร็ว ๆ รถจะออกแล้ว พ่อหนุ่ม” เสียงปนขันนั้นยังดังไม่รู้ที่มา

 

คุณกรอกตาซ้ายขวาให้แน่ใจแต่ไร้ผล ไม่มีใครสักคนบริเวณนี้ แล้วเสียงเรียกนั้นดังมาจากไหน คุณเก็บความสงสัยไว้สักพัก ความคิดบางอย่างผุดขึ้นกะทันหัน คุณเห็นภาพตนเองกำลังนั่งวาดภาพสวนดาวเรืองด้วยสีน้ำมันบนผ้าใบในห้อง ๆ หนึ่ง ผนังห้องนั้นเรียงรายไปด้วยภาพวาดท้องทุ่งนาไร่สวน เป็นฝีมือของคุณทุกภาพ แต่คุณไม่ใช่เจ้าของ เสียงฝีเท้าฉับ ๆ ใกล้เข้ามา คุณวางพู่กันลุกขึ้นยืน ใครคนหนึ่งเปิดประตูห้อง คุณเดินเข้าไปหา จู่ ๆ รู้สึกเจ็บที่หน้าอก ใครคนนั้นหายไปก่อนคุณเอ่ยทักทาย ภาพวาดบนผนังร่วงหล่นระเนระนาด ความเยียบเย็นซ่านทั่วบริเวณอก คุณใช้มือข้างถนัดลูบคลำ เลือดแดงสดหลั่งรินเต็มมือ คุณล้มลงกับพื้น ภาพวาดสวนดาวเรืองเหลืองอร่ามปรากฏในดวงตาก่อนคุณหลับไป

 

“อ้าว! เร็ว ๆ รถจะออกแล้ว พ่อหนุ่ม”

 

คุณสลัดห้วงคิดเมื่อครู่ออก ตัดสินใจเดินตามเสียงเรียกนั้นไป เมื่อใกล้ซากรถทัวร์คันดังกล่าว คุณถึงกับสะดุ้งตกใจ พ่อและแม่ของคุณนั่งอยู่บนนั้น กำลังพูดคุยอะไรกันสักอย่าง คุณตะโกนเรียกทันที ไม่มีใครหันมา คุณเดินเข้าไปใกล้ ตะโกนเรียกอีกครั้ง แต่ยังเหมือนเดิม

 

คุณพยายามปีนหน้าต่างซากรถทัวร์ขึ้นไป เหงื่อรินไหลชุ่มโชกเต็มหลัง ลมหายใจหอบถี่ ๆ ตึงปวดกล้ามเนื้อแขน คราวนี้คุณยืนเผชิญหน้ากับพ่อและแม่ คุณคุกเข่าลง ปากสั่นระริก น้ำตาคลอหน่วย พ่อแม่ของคุณยังพูดคุยกันอยู่ คุณพยายามจับใจความ

 

“มันหน้าชังนะ เจ้าตัวเล็ก เห็นว่ากินเก่ง จะเหมือนใครล่ะ ดูหน้าผากมัน พ่อมันชัด ๆ”

 

“จะไปไหนกัน” คุณถามปนสะอื้น

 

ดูเหมือนไม่มีใครมองเห็นหรือได้ยิน ซากรถทัวร์เริ่มเคลื่อนขยับ คุณประคองร่างเอนไหวตามแรงสั่น พ่อแม่เอนหลังหลับตาบนเบาะผุเปื่อย คุณยืนสับสน

 

เพียงชั่วขณะลมหายใจ ซากรถทัวร์พาพวกคุณมาหยุดอยู่ที่ไหนสักแห่ง

 

“ต่อรถตรงนี้ ตรวจดูสัมภาระให้เรียบร้อย” เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้นในซากรถทัวร์

 

คุณยังสับสน จับต้นชนปลายไม่ได้ รู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมาดื้อ ๆ พ่อแม่ของคุณสะดุ้งตื่น เอื้อมคว้ากระเป๋าสะพาย  ใบหน้าเปี่ยมยิ้มของทั้งคู่ทำคุณหลั่งน้ำตาเหมือนเด็ก คุณตะโกนถามพวกเขาอีกครั้ง อีกครั้ง สุดเสียง สิ้นแรง พวกเขาไม่ได้ยิน ทำไม ทำไม คุณร้องลั่น

 

รวมสติ ปาดเช็ดน้ำตา ลุกพรวดพราดขึ้น ตามติดถึงทางลง ที่นอกหน้าต่าง คุณเห็นรถราจอดเรียงกันเต็มไปหมด พ่อแม่ของคุณกำลังก้าวลงจากซากรถทัวร์คันนี้พร้อมใบหน้าสดใส พ่อของคุณก้าวลงเดินออกไปประมาณห้าก้าวก่อนหยุดรอผู้มาด้วย แม่ของคุณตามลงมา เท้าขวาสัมผัสพื้น ข้างซ้ายตามติด เสียงโหวกเหวกโวยวายดังจากมุมไหนสักมุม ทันใดนั้น รถยนต์สีขาวขนาดใหญ่พุ่งตรงเข้ามาด้วยความเร็ว แม่คุณกรีดร้องเจ็บปวดขณะร่างถูกกระแทกลอยคว้างบนอากาศ ตาคู่นั้นเปิดค้างเหม่อมองไร้จุดหมาย มีเลือนรินไหลออกจากตาและหู ร่างตกลงบนพื้นเสียงดังลั่น หายใจรวยริน คุณตกใจสุดขีด รีบวิ่งลงจากซากรถทัวร์ ตรงดิ่งเข้าไปที่ร่างแม่ ก้มลงร้องไห้ปานขาดใจ เขย่าร่างนั้นไปมา ร้องเรียกจนสุดเสียง ลนลานยืนขึ้น ปรี่เข้าไปยังรถยนต์คันดังกล่าว ทุบกระจกด้วยมือ กระชากคอเสื้อชายคนขับ หวดกำปั้นเข้าใบหน้า ตะโกนด่าทั้งน้ำตา ไม่มีประโยชน์ ชายคนนั้นสิ้นสติอบอวลด้วยกลิ่นสุรา คุณคับแค้นเดือดดาล ฟูมฟายวิ่งหาพ่อ กระชากแขนเสื้อให้ไปดูแม่ สายตาอ้างว้างของพ่อมองร่างแน่นิ่งของแม่ ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ คุณทรุดตัวลงร้องลั่น น้ำตารินไหลเต็มพื้น

 

เมฆดำทะมึน…. โอบล้อม…. วิญญาณข้า…. ไม่หวังตื่นลืมตา…. ตราบนานเท่านาน….

อยู่อย่างไร…. ในกาลนี้….เสียงเรียกร่ำจากความตาย…. เชิญชวนข้าหลุดพ้น… จากจองจำ

ไม่อาจรั้งสิ่งใดไว้…. เหม่อมองความมืด ในความเหงาร่ำร้องเงียบเชียบเพียงลำพัง

โบยบินเถิดวิญญาณบาป…. ไปสู่หนแห่งอื่น…..

 

ควันสีเทาอ้อยอิ่งเคว้งคว้างอยู่เหนือดวงตาพร่าเลือนของคุณ กลิ่นซาบซ่านอบอวลในโพรงจมูก รสชาติพาผ่อนคลาย ทว่าในจิตใจกลับร้าวระทม

 

ภาพฝันเมื่อคืนค่ำถูกทบทวนอีกครั้งพร้อมบทกวี น้ำตานองใบหน้าโดยที่คุณไม่รู้ตัว เสียงอ่านบทกวีขาดสะบั้น เสียงเข็มวินาทีมาแทนที่ คุณเช็ดน้ำตา รวบรวมเรี่ยวแรงเดินเข้าห้องครัว ความสลัวลางดึงคุณตรงไปยังขวดน้ำมันพืช คุณเปิดออกแล้วเทลงฝ่ามือข้างถนัดจนชุ่ม ใช้อีกข้างลูบไล้จนมันเยิ้ม มีรอยยิ้มผุดขึ้นริมฝีปาก ดวงตาทั้งสองค่อย ๆ หลับลง ความทรงจำนำคุณกลับไป แล้วมือข้างถนัดก็ถลกกางเกงขาสั้นลงจนถึงเข่า ความลื่นไหลมันเยิ้มชโลมนวดคลึงจนแข็งตัว คุณเพิ่มแรงนวดคลึงกับความทรงจำ ร่างคุณเริ่มเกร็ง มือข้างนั้นขึ้นลงเร่งรีบ ใกล้ถึงจุดหมาย ใกล้เข้ามาทุกขณะ แต่จู่ ๆ ใบหน้าใครคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นแทนภาพความทรงจำนั้น คุณทดท้อห่อเหี่ยวลงทันที สิ้นไร้เรี่ยวแรงก้าวเดิน น้ำตาเริ่มรินไหลอีกครั้ง ทรุดตัวลงนั่งปวกเปียก ชันเข่าขึ้นกอด ปล่อยห้วงคิดสับสน แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น คุณปาดน้ำตาข้างแก้ม พาร่างตนเองตรงไปกดปุ่มรับสาย

 

“ท่านผู้โดยสารโปรดทราบ ขณะนี้ รถทัวร์ที่จะเดินไปจังหวัด….. ใกล้จะออกเดินทางแล้ว หากต้องการยกเลิกการเดินทาง กดหนึ่ง หากต้องการเปลี่ยนเที่ยวการเดินทาง กดสอง สอบถามอื่น ๆ กดสาม ขณะนี้ท่านผู้สารกำลังจะได้รับบริการใหม่จากบริษัททัวร์ของเรา ถ้าท่านผู้โดยสารต้องการ กดสี่”

 

คุณกดเลขสี่ พร้อมวางโทรศัพท์ตรงหน้า

 

“ยินดีต้อนรับ โปรดระบุว่าต้องการเห็นภาพอนาคตตนเองตอนไหน”

 

“ตอนตาย….” คุณพูดเสียงสั่น

 

“ขอบคุณที่ไว้วางใจ สักครู่จอมือถือของท่านจะแสดงภาพนั้นให้เห็น ขอให้มีความสุขกับการล่วงรู้อนาคต”

 

คุณกำโทรศัพท์ไว้แน่น เพ่งมองวิดีโอสีสดดังอื้ออึง ในนั้น คุณเห็นตัวเองยังหนุ่ม ไม่ต่างจากตอนนี้ เดินสูบบุหรี่วนไปเวียนมาในห้อง ๆ หนึ่ง พยายามกดโทรศัพท์หาใครสักคน ตะโกนโวยวายขึ้นเสียงดัง พร้อมขว้างมือถือลงพื้น เดินเข้าห้องครัว ได้มีดเล่มยาวติดมือ เดินตรงไปยังห้องน้ำ เปิดประตูเข้าไป จ้องมองตนเองผ่านกระจก นั่งลงกับพื้นเฉอะแฉะ ยื่นแขนข้างซ้ายออกมา วางคมมีดลงบนข้อมือ หลับตาลงช้า ๆ เพิ่มแรงกรีด เลือดอุ่น ๆ ซึมออกมาตามคมมีด คุณปล่อยไว้อย่างนั้น นั่งทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิต เลือดจากข้อมือหลั่งรินนองพื้น มีแมลงสาบตัวหนึ่งลนลานออกมาจากท่อ มันป้วนเปี้ยนไปมารอบ ๆ ตัวคุณ อีกพักหนึ่ง พวกของมันตามออกมายั้วเยี้ย คราวนี้มันเริ่มไต่ขึ้นตามร่างของคุณ ชอนไชไปทั่ว คุณเริ่มรำคาญ ง้างมีดขึ้นเหนือหัว แทงลงมายังส่วนที่แมลงสาบเหล่านั้นเกาะอยู่ เลือดพุ่งกระจัดกระจายไปทั่ว คุณแทงไปที่คอ ที่หน้าอก ที่ชายโครง ที่หน้าขา ที่ดวงตา แมลงสาบเริงร่าหลบหลีกคมมีด คุณรวบรวมเรี่ยวแรงครั้งสุดท้าย กดคมมีดลงกลางหน้าอก ภาพใบหน้าใครคนหนึ่งปรากฏขึ้นชั่วขณะ ตัดสลับภาพวาดสวนดาวเรือง ก่อนจะดับมืดลงตลอดกาล

 

วิดีโอหยุดลงแค่นั้น คุณถอนหายใจยาว รู้สึกจุกคอ แน่นหน้าอก

 

“กรุณาประเมินการให้บริการ กดหนึ่งดีเยี่ยม กดสองดี กดสามพอใช้”

 

คุณลังเล ก่อนกด……

 


Photo by Daniele Levis Pelusi on Unsplash

 

อิสระ พันธุ์ยาง

อิสระ พันธุ์ยาง

สรรค์สร้างเสียงเพลงแห่งความมืดในนาม Lotus Of Darkness เพียรพยายามสร้างงานเขียนเพื่อทำความเข้าใจมนุษย์ ชีวิตที่เหลือวาดหวังออกเดินทางแสวงหาความจริง ขณะนี้นั่งหายใจรดแป้นพิมพ์ กลั่นกรองตัวอักษรนับแสน แทนชีวิตและจิตวิญญาณ

 

Comments

comments

You may also like

Leave a comment

error: