หมู่บ้านรองเท้าข้างเดียว
หมู่บ้านแห่งหนึ่งมีลูกบ้านไม่มากไม่น้อยสักร้อยเศษ (เราไม่อาจรู้จำนวนที่แท้จริงได้ เพราะพวกเขาไม่เคยโผล่มาพร้อมหน้า หรือทักทายกันฉันมิตร)
วันหนึ่ง แม้ไม่รู้จักกันและไม่เคยเอ่ยทักถาม เรื่องเล่าลือก็แพร่ไปในอากาศ แล้วลูกบ้านสักร้อยเศษนั้นก็ได้รู้ทั่วกันว่า
มีลูกหมาคอกหนึ่งผุดขึ้นกลางสนามเด็กเล่น!
ตัวสีเทาบ้าง สีดำบ้าง สีน้ำตาลบ้าง ต่างก็หลับตาพริ้มอยู่ในกอหญ้า
แม่ของมันผอมโซ เปื้อนเปรอะ แล้วก็ลือกันตามลมอีกว่ามันคาบลูกไปไว้ที่บ้านร้าง
หลายสัปดาห์ผ่าน ทุกคนหลงลืมเรื่องลูกหมาที่สนามเด็กเล่น ต่างใช้ชีวิตปกติของตน ไม่พูดคุยทักทาย แต่ล่วงรู้เรื่องราวของกันและกันตามที่สายลมกระซิบบอก
ลูกหมาตัวน้อยเริ่มเพ่นพ่าน กองขยะป่าวประกาศว่ามันไม่ได้หลับไม่ได้นอนและถูกขุดคุ้ยกระจัดกระจาย ลูกบ้านบางคนบ่นดังขึ้น อยากให้กำจัดหมาจร บางคนก็เอ็นดู พึมพำว่าช่างน่ารักน่าสงสาร
ทุกคนมีความเห็นของตนเอง แต่ไม่มีสักคนหยิบยื่นอาหารให้ แม่หมาอดโซ ขณะลูกโตวันโตคืน
ลูกหมาเติบใหญ่เท่าที่แม่ผ่ายผอมลง แม่ลูกครื้นเครงทั่วหมู่บ้าน บางคนอยากให้จับไปปล่อยที่อื่น บางคนอยากให้จับไปทำหมัน อยากนู่น อยากนี่ แต่ไม่มีใครลงทุนลงแรง
ไม่กี่เดือนต่อมา รองเท้าพละของเด็กชายก็เหลือเพียงข้างเดียว รองเท้าส้นสูงของพนักงานสาวก็เหลือเพียงข้างเดียว รองเท้าแตะของชายชราก็เหลือเพียงข้างเดียว
แม้จะพบข้างที่หายไปบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็อันตรธานไปอย่างไร้ร่องรอย
เวลาผ่านไป หมายังอยู่ ลูกบ้านสักร้อยเศษเหล่านั้นคิดโกรธโทษหมาทุกวี่ทุกวัน แต่ไม่เจียดเวลามาคิดแก้ปัญหา แต่ละคนจึงใส่รองเท้าข้างเดียวไปทำงาน ไปเรียน ไปดูละคร ไปร้องเพลง ไปทำสวน และไปไหนต่อไหน ราวกับว่าการใส่รองเท้าข้างเดียวไม่ใช่ปัญหา
—
พันปีต่อมา หุ่นยนต์สำรวจอารยธรรมมนุษย์ขุดพบรองเท้าโบราณหลากรุ่นหลายแบบ ล้วนมีเพียงข้างเดียวทั้งสิ้น จึงบันทึกในฐานข้อมูลว่าบริเวณนี้คือ “หมู่บ้านรองเท้าข้างเดียว” (ก็บริเวณที่เคยเป็นบ้านร้างของหมู่บ้านซึ่งไม่มีใครลงมือแก้ปัญหานั้นแหละ!)
เฮ้ยยย นี่มันนิทาน abstract ป่าวนี่ หรือว่าพื้นที่หมดตัดจบแบบนิทานพ่อน้องดนตรี 55+
แอบขำ คนเขียน
ขนปุย นักวาด / บ้านขนปุย
นักวาดภาพผู้กำลังฝึกฝนตนเองให้เป็นประชากรเช้า ตั้งใจว่าปีนี้จะมีผลงานสม่ำเสมอ
NX นักเขียน / NX’S HOME
นักเขียนนิทานที่พยายามทลายทุกข้อจำกัดของเรื่องเล่า ตั้งใจจะเขียนงานสม่ำเสมอเหมือนกัน
ฮ่าๆ