คำสาปของเมืองชรา

1.

 

ที่นี่ไม่มีความรักแบบหนุ่มสาว ประชากรในหมู่บ้านนี้ล้วนกำเนิดเป็นทารกหน้าตาย่นยู่แล้วข้ามขั้นสู่วัยชรา สภาวะอย่างทารกนั้นดำรงอยู่เพียงสองสัปดาห์ ก่อนกลายร่างฉับพลันเพียงชั่วคืน เป็นบุคคลผู้มีกระดูกพรุน ตาหม่นมัว และผมหงอกขาว เมื่อลืมตาตื่น ต่างพบว่าวันวัยของตนได้ถูกฉกฉวยไปตามธรรมชาติ

 

คำสาปเก่าแก่ที่สาปส่งบรรพบุรุษรุ่นแรกยังคงเข้มข้น เสียงหวีดหวิวยามลมพัดผ่านแท้จริงคือเสียงสะอื้นของหญิงสาวตั้งแต่โบราณกาล ทั้งสองรักกันอย่างยิ่ง ความสุขล้นปรี่ น้ำตาลจืด หิมะอบอุ่น หัวใจนึกไปว่าตนเองคงกระพัน แต่ความรักแบบชายหนุ่มหญิงสาวเป็นเหมือนสิ่งประดิษฐ์ของพระเจ้าที่ไม่ผ่านมาตรฐาน มันพังทลายในเวลาอันรวดเร็ว

 

เขารวดร้าวกระนั้นก็กลับสู่ภาระหน้าที่อื่นในชีวิต ส่วนเธอแหลกสลายมีเพียงสายลมเป็นเพื่อนคุย เธอไม่อาจละวาง สิ่งประดิษฐ์ของพระเจ้าก่อผลข้างเคียงแก่เธออย่างสาหัสและไม่อาจบรรเทาเยียวยา ปีศาจแห่งสายลมจึงชักชวนเธอเปล่งเสียงสาปส่ง

หญิงสาวส่งสะอื้นผ่านกาลเวลา ทว่าปัจจุบัน ผู้คนไม่อาจรู้ ต่างเข้าใจว่านั่นคือธรรมชาติของลม เข้าใจว่าความชราคือการเติบโต เข้าใจว่าความเจ็บป่วยอันเกิดแต่ความเสื่อมของสังขารคือประสบการณ์เฉพาะตน – หาใช่คำสาปอันโหดร้าย

 

เขาผู้เป็นบรรพบุรุษรุ่นแรกนั่งเงียบเชียบอยู่ในโถงอาคาร น้ำตาไหลซึมออกจากร่างหินอ่อนนั้นทุกเมื่อเชื่อวัน ผู้คนพากันตั้งข้อสังเกตและหาเหตุผล บ้างก็ว่าเขามอบหยาดหยดแห่งความปีติให้แก่บุตรหลาน บ้างก็ว่าเขาสำแดงความศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้เมืองนี้ยังคงมีสิ่งยึดเหนี่ยวและอยู่กับร่องกับรอย แต่ความจริงแล้วเขาร้องไห้ให้พลเมืองที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ผู้ที่ต้องสัมผัสรสชาติแห่งความชราโดยไม่ทันจะได้ล่วงรู้ความอ่อนเยาว์ และยิ่งกว่าสิ่งใด เขาร่ำไห้ให้แก่เธอผู้มากับสายลม

 

ข้ามคืนที่ผู้คนพากันเรียกขานว่า “คืนมืด” ความชรามาถึงแต่ละคนในหลากหลายรูปแบบ หญิงบางคนผิวแห้งกร้านและเหี่ยวย่น หากไม่ประโคมโลชั่นเข้าไปแล้ว ก็จะแสบระคายเนื่องจากความแห้งอย่างยิ่ง บ่อยครั้งที่เผลอเกาจนเกิดแผล ชายบางคนข้อเข่าเสื่อมตั้งแต่ยังไม่ได้มีโอกาสเริ่มวิ่ง สายตาที่เห็นได้เพียงเลือนๆ คือความโชคดี ผู้ที่โชคร้ายคือบอดตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มอ่านสิ่งใด ประสาทสัมผัสทั้งหลายเสื่อมถอยโดยที่ยังไม่เคยรับสัมผัสสิ่งเร้าใดเลย

 

ในมุมมองของเขา นี่คือคำสาปอันร้ายเหลือสำหรับเขาและลูกหลานของเขา ส่วนเธอกลับคิดว่านี่คือคำอวยพร มีประโยชน์ใดหากได้เสพสมทุกสิ่งเร้าแล้วต้องกลับเศร้าลึก ความเศร้าทนทานและนานนัก แต่หญิงสาวมีน้ำตาจำกัด สิ้นน้ำตาหยดสุดท้าย เธอขายวิญญาณให้สายลม ลอยล่องชั่วกาลไปกับมัน แลกกับการให้ประชากรทั้งเมืองนี้ไร้วัยหนุ่มสาว

 

 

2.

 

สิ่งประดิษฐ์ของพระเจ้ามีอานุภาพยิ่งและไม่อาจหลบเลี่ยงได้ง่ายดาย ขณะที่เชื้อสายผู้นำคนสุดท้ายนอนแบ็บอยู่กับเตียง แม้ร่างกายเสื่อมทรุด แข้งขาขัดเคือง ค่อยๆ อ่อนแรงไปทั่วร่างในทุกวัน เขาเพ่งพิจารณาริ้วเรียงที่ปลายตาเธอ เส้นไหมสีขาวเปล่งประกายจับใจ แว่นตากรอบทองที่เลื่อนไหลมาตามทางลาดของสันจมูก และนิ้วผอมเกร็งของเธอที่คอยดันมันขึ้นเสมอ เขาชื่นชมสิ่งเหล่านั้นเงียบๆ จนกระทั่งวันหนึ่งที่ร่างกายของเขานิ่งงันและไม่อาจขยับไหวด้วยตนเอง ภายในกลับสั่นไหวอย่างไม่เคยรู้สึก

 

คนในเมืองนี้ไม่รักกัน ความรักคือคำสาป และเชื้อสายผู้นำมักนำมาซึ่งคำสาปเสมอ ผู้คนในเมืองจึงดีใจเมื่อเขาผ่านคืนมืดมาโดยไม่อาจขยับร่างกายได้อีก กระนั้นทุกคนก็กลัวที่จะเข้าพบเขา ยกเว้นเธอ เธอไม่กลัว ไม่มีสิ่งใดต้องกลัว

 

เธอโชคดีที่การกลายสู่ความชราไม่ได้ทำให้เธอนอนติดเตียงอย่างเขา เธอจึงตัดสินใจอุทิศตัวมาดูแลผู้คนที่ผ่านคืนมืดแล้วไม่อาจลุกมาเดินเหินได้อีก เมื่อเธอได้พบเขา แรกเริ่มนั้นคือหน้าที่ แต่นานวันเธอก็กลับเห็นวงสีเทาในดวงตาของอีกฝ่าย เธอหวาดหวั่นแต่ก็ตระหนักได้ว่าเธอก้าวเข้าสู่คำสาปเสียแล้ว และเธอตั้งใจให้เป็นเช่นนั้น

 

เรื่องเล่าไม่ปะติดปะต่อถึงวงตาสีเทาของเชื้อสายผู้นำนั้นทำให้ทุกคนหวาดกลัว ไม่ใช่ความเสื่อม ไม่ใช่โรคภัย ไม่ใช่ความตาย สามสิ่งนี้ไม่ทำให้พลเมืองที่นี่หวั่นเกรง พวกเขาชินชากับมันโดยเฉพาะอย่างยิ่งความชรา คำว่าแก่หาได้มีนัยเลวร้ายหรือหยาบคายในเมืองนี้ แต่วงตาสีเทาของพวกผู้นำนั้นต่างหากที่ผู้คนตื่นตระหนกแต่ก็ไม่กล้าวิพากษ์อย่างตรงไปตรงมา

 

 

เธอไม่นึกอยากวิพากษ์วิจารณ์หรือก่นด่าเชื้อสายนั้น เธอแค่รักเขา แล้วก็หลอกให้เขารักเธอยิ่งกว่า ในอาการนอนติดเตียงเช่นนั้น เขาไม่อาจรู้ว่า นอกชั่วโมงทำงาน เธอมีใครอื่นอีกหรือไม่ แต่เขาไม่ไยดีตราบเท่าที่เธออยู่กับเขาอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้อีกกี่วัน แต่ทุกวันเขาจะอยู่และตื่นเพื่อมาพบเธอ ในร่างกายของผู้เฒ่าอย่างเขา เธอได้หย่อนเมล็ดพันธุ์ร้ายกาจไว้ และเขาก็ยินดี

 

เธอมีความสุขที่ได้รักและดูแลเขา สุขที่ได้เห็นว่าเถาวัลย์แห่งรักรัดพันอยู่ภายในตัวเขาอย่างแน่นหนา เธอรู้ว่าอีกไม่นานภารกิจของเธอจะสำเร็จผล คำสาปจะหวนกลับมาอีกครั้ง เธอแค่ต้องรอ

 

จู่ๆ ร่างกายของเธอก็ทรุดลงรวดเร็ว เธอถูกส่งไปอยู่หน่วยอื่น ข้อเข่าเสียดแปลบจนไม่อาจเดินได้อีก ได้แต่นั่งพิมพ์รายชื่อผู้คนที่มีคนมาแจ้งตาย เธอเปลี่ยนชื่อตัวเองในทะเบียนเพื่อไม่ให้ใครตามเจอ ไม่รู้กี่เดือนกี่ปี แต่ในที่สุดเธอก็ได้พิมพ์ชื่อเขาบนรายการฐานข้อมูล เธอรู้ได้ทันทีว่าคำสาปเริ่มต้นแล้ว

 

หลังจากเธอหายไป วงเทาในดวงตาของเขาก็กลับเข้มจนแดงก่ำ วนเวียนครุ่นคิดอยู่กับการจากลาที่ไร้สาเหตุ บ่อยครั้งที่การไม่รู้แย่ยิ่งกว่าการได้รู้ พลังงานในร่างกายไม่ได้ใช้ไปกับการเคลื่อนไหวอื่นใด มันจึงถาโถมใส่ทุกความฟุ้งซ่านของเขา ทำไมจู่ๆ เธอก็หายไป เขาเฝ้าถาม

 

เขาสั่งให้ทุกคนตามหาตัวเธอแต่ไม่เร็วพอ ชื่อของเธอไม่ปรากฏในระบบพลเมือง ความรักกลายเป็นความกราดเกรี้ยว เขาคิดหาเหตุผลที่เธอจากไปเป็นร้อยพัน แต่ไม่มีสักหนึ่งในนั้นที่เยียวยาจิตใจได้ แล้ววงตาสีแดงแก่ก่ำของเขาก็เริ่มต้นสาป

 

สาปให้เธอและคนทั้งมวลกลับคืนสู่ภาวะนั้น ภาวะที่จารึกของเมืองระบุไว้ว่าเป็นภาวะแห่งความสับสน ซึมเศร้า และทุกข์สาหัสชั่วนิรันดร์ — ภาวะแห่งความเป็นหนุ่มสาว

 

 

NX

NX

นักเขียน / NX's home

นักเขียนนิทานที่พยายามทลายทุกข้อจำกัดของเรื่องเล่า ตั้งใจจะเขียนงานสม่ำเสมอเหมือนกัน

ขนปุย

ขนปุย

นักวาด / บ้านขนปุย

นักวาดภาพผู้กำลังฝึกฝนตนเองให้เป็นประชากรเช้า ตั้งใจว่าปีนี้จะมีผลงานสม่ำเสมอ

 

 

Comments

comments

You may also like

Leave a comment

error: