SCHOOL LIFE No.2

 

 

ระเบียง

 

อยู่ๆ ก็มีเด็กหญิงตกจากท้องฟ้าลงมาที่ระเบียงห้องผม

 

เธอเมาน่ะ

 

หมอบอยู่พื้นระเบียง เมาจนหมดแรงกรีดร้องโอดครวญเจ็บปวด ห้องเธออยู่เหนือหัวผม โชคดีหอพักนี้สูงแค่ 2 ชั้น

 

เคยเป็นหอพักแยกชายหญิง ตอนนี้ไม่เป็นอย่างนั้นแล้ว หอพักตรอกชานเมืองก็แบบนี้ ไกลตำรวจหน่อยก็ผ่อนปรน

 

ผมแบกเธอเข้ามาในห้อง ปฐมพยาบาลเบื้องต้น ถลอกฟกช้ำหลายจุด แต่ไม่แตกหักบุบสลาย จะเรียกรถโรงพยาบาลก็นึกได้ว่าถ้าเรื่องนี้เป็นข่าวคงไม่แคล้วเธอได้ขึ้นห้องปกครอง

 

เธอเป็นเด็ก ม.ต้น ที่โรงเรียนผม เราเดินสวนกันบ้าง

 

เธอนอนบนเตียง ผมนั่งเล่นเกมจนเช้า คอยหมั่นเดินไปฟังลมหายใจเธอเป็นพักๆ

 

เธอโอดโอยขึ้นในเช้าตรู่ ระบมโซซัดโซเซพูดกับผมว่า ‘ไปก่อนนะ’

 

วันนั้นผมไม่ได้ไปเรียน เล่นเกมติดลมจนเที่ยงแล้วหลับไป ตื่นเสียงเคาะประตูเมื่อตกเย็น เธอหิ้วของทำหม้อไฟมาด้วย เรานั่งกินจนค่ำ เธอไม่พูดอะไรเลย เอาแต่กินและกิน อิ่มแล้วก็ล้างถ้วยล้างชามเดินกลับห้องไป

 

หลังวันนั้นก็ไม่ได้เกิดอะไรอีก แค่เดินขึ้นไปชั้นบนหรือทักที่โรงเรียนสักคำก็ไม่ได้ทำ นึกถึงท่าทางเธอแล้วผมคิดว่าแบบนี้ดีกว่า

 

เรายังเดินสวนกัน เห็นนัยน์ตาที่รู้จักกัน

 

ผมวางฟูกนอนกาบมะพร้าวเก่าๆ ที่หาได้ไว้ที่ระเบียง

 

 


 

ห้องสมุด

 

พยายามพาตัวเองไปนอนพักเที่ยงที่ห้องสมุด เปิดเพลงอุดหูแล้วก็หลับไป

 

เธอเองก็พยายามพาตัวเองไปนั่งทำงานที่ห้องสมุด

 

เราอยู่ในระยะที่ต่างรู้สึกถึงตัวอีกคนรุนแรง แม้เธอกดคอก้มหน้าทำงาน ผมกดเปลือกตาหลับ

 

ขยับตามองไม่ได้ แต่ก็ขยับตัวหนีไม่ได้

 

อยากพูดด้วย แต่ก็อยากให้อีกฝ่ายปวดร้าว

 

เป็นแบบนี้มาสัปดาห์

 

ทะเลาะกันเพราะอะไรจำไม่ได้แล้ว ทำไมผมถึงยกมือปัดแว่นเธอร่วงก็ไม่รู้

 

พอระฆังเข้าเรียนลั่น เราก็ลุก ผมเดินตามเธอห่างๆ ไปเข้าชั้น

 

ที่บันไดขึ้นตึก อยู่ๆ เธอก็หันมามอง ดวงตาร้องไห้

 

ผมยืนนิ่งค้างไม่รับรู้เวลา

 

ตัดสินใจจะรอตรงนั้นจนระฆังเลิกเรียน เธอจะยอมให้ยีหัวอย่างที่ตัวเองชอบรึเปล่านะ

 


 

รถโรงเรียน

 

เป็นรถบัสขนาดกลางรับเด็กได้สัก 30 คน ทาสีเหลืองหม่น โรงเรียนฉันเปิดสอนตั้งแต่ระดับอนุบาลจน ม.ปลาย เด็กบนรถคันนี้คละชั้นกัน แต่มากสุดก็เป็นชั้นประถม

 

เพื่อนคุยฉันเป็นเด็กชาย ป.4 คนหนึ่ง เขาชอบลุกจากเบาะตัวเองมานั่งข้างฉัน ชวนเล่นอะไรก็ไม่รู้ ลูกหึ่งบ้าง ให้สอนโยนหมากเก็บบ้าง บางทีก็ให้ช่วยทำการบ้านส่งตอนเช้า

 

ฉันถามว่าเล่นเกมมือถือไหม เจ้าตัวบอกว่า ‘อาย’ เวลาเล่นกับเพื่อนแล้วพูดไม่เพราะ

 

ที่โรงเรียนฉันโดนเขาดักเจอบ่อยๆ มาทักทายแล้วก็ไป ท่าทีแข็งๆ เขินๆ

 

ฉันบอกเขาว่าจะแชทคุยมือถือก็ได้ แต่ไม่โทรหากันจะดีกว่า

 

เขาเคยโทรหาฉันครั้งหนึ่ง แต่ฉันปล่อยสายหลุด

 

วันหนึ่งมีข้อความประหลาดจากหมายเลขที่ไม่รู้จักส่งถึงฉันว่า ‘หยุดล้อเล่นกับเขาเถอะนะคะ’

 

ฉันนัดพบเธอ เป็นเด็กหญิง ม.ต้น คนหนึ่งบนรถคันนั้น

 

เรานั่งคุยกัน ในกระเป๋ากระโปรงฉันมีโทรศัพท์ที่ต่อสายถึงเขาไว้

 

ฉันบอกว่าไม่ได้ล้อเล่น ฉันชอบที่เป็นอยู่อย่างนี้ ถ้าเธอคิดว่าจะต้องเอาชนะก็ทำเถอะ

 

เด็กวัยนั้น ฉันก็รู้จักความรักของเขา แต่เธอไม่เข้าใจ พอโตแล้วเราก็ลืมว่ามันเคยเป็นแบบไหน

 

เขาสนุกออก ผลัดวันหนึ่งนั่งคุยกับเธอ อีกวันนั่งคุยกับฉัน ความรักเป็นเหมือนเพื่อนเล่น บางทีฉันนึกหวงบ้าง มีแต่เธอที่ส่งข้อความถึงฉันอย่างเจ็บปวด ‘ทำไมต้องทำให้ฉันร้องไห้คะ’ ‘เห็นแก่ตัวนะคะที่ไม่ทุ่มเทเอาใจใส่’ ‘ปล่อยเขาไปได้ไหมคะ’

 

ไม่เข้าใจอะไรเลยนะ

 


 

ชินรัตน์ สายอุ่นใจ

ชินรัตน์ สายอุ่นใจ

Kappasaisai@gmail.com

นักเขียนผู้หลงใหลการลับมีด เจ้าของเรื่องสั้น "ชายชราเบาหวาน" ที่ได้รับรางวัลนายอินทร์อะวอร์ดประเภทเรื่องสั้น ปี 2555 ปัจจุบันใกล้จะมีนวนิยายของตัวเอง 1 เล่ม กับสำนักพิมพ์ Boligraf Book ยังคงเขียนงานอยู่อย่างต่อเนื่องที่บ้านของตน

Comments

comments

You may also like

Leave a comment

error: