การเดินทางของสก็อต

 

 

นานมาแล้ว ผมถูกบรรจุใส่กล่องพร้อมเพื่อนๆ มืดมิดปิดทึบ การเดินทางทุลักทุเล แต่พวกเราอยู่กันอย่างมั่นคงในความมืดนั้น เราต่างรู้ พวกเราจะถูกขาย และจะมีคนซื้อ

 

ไม่นานก็ถึงคิวผมที่ได้บ้าน อายุของพวกเราจะยาวนานแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับการใช้งาน พวกเขาจะฉีกทึ้งเราออก บ้างเอาเขี้ยวโลหะซี่ถี่แยกตัวตนของเรา หรือไม่เช่นนั้นก็จะใช้กรรไกรตัดเราให้ขาด ครั้งแล้วครั้งเล่า ตามแต่วัสดุที่เขาต้องการจะติด ผนึก หรือเชื่อมประสาน

 

ไม่น่าเชื่อ ผมถูกตัดแบ่งครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อประสานรอยฉีกขาดระหว่างปกหนังสือกับตัวเล่ม โรงงานผลิตไม่เคยบอกว่าเรามีไว้เพื่อการนั้น และถ้าหากมีรางวัลแฟนพันธุ์แท้เรื่องสันหนังสือ ผมมั่นใจว่ายากนักที่ผมจะแพ้

 

เวลาผ่านมาสักพักหนึ่ง เขาก็เริ่มพาส่วนหนึ่งของผมไปแปะที่บางหน้ากระดาษเพื่อยึดไม่ให้รอยขาดขยายยิ่งขึ้น ตอนนั้นเองที่ผมได้อ่านสำนวนภาษาเก่าแก่ของพระยาอนุมานราชธน สุนทรภู่ น.ม.ส. ‘รงค์ วงษ์สวรรค์ และอุษณา เพลิงธรรม

 

เศษเสี้ยวของผมตามส่วนต่างๆ ในห้องสมุดของเขาทำให้ผมได้เรียนรู้ทั้งวิชาการและวรรณกรรม ผมยืนอยู่ที่แท่นอย่างมีความสุข อมยิ้มกับความรู้ได้รับ ขณะที่อยู่เบื้องหน้าซี่ฟันถี่ยิบอันแหลมคม

 

แรกทีเดียวผมเจ็บปวดและไม่อยากแยกขาดจากตัวตนของตนเอง แต่มาภายหลัง เมื่อผมได้รู้ว่าความเจ็บปวดนั้นจะนำมาซึ่งความรู้ ผมก็ยินดี และยิ้มให้ซี่ฟันเหล่านั้นได้

 

หลังจากผมเป็นผู้ช่วยเขาได้สักระยะ เขาก็จากไปฉับพลัน แว่วว่าเส้นเลือดในสมองมีปัญหาบางอย่าง เหลือเพียงลูกสาวของเขาที่ดูแลห้องสมุดแห่งนี้ต่อ ส่วนผมเองก็ปลดระวางไปนานแล้ว แกนของผมถูกทิ้งไปเมื่อหลายเดือนก่อน กระนั้นผมก็ยังอยู่ที่นี่ แฝงฝังตนเองอยู่ในแต่ละเสี้ยวส่วนที่ผนึกยึดแน่นกับสัน ปก และแต่ละหน้าของหนังสือ

 

เมื่อเธอเปิดมาเจอผมในแต่ละเล่มของพ่อ เธอเศร้าและมองเหยียดหยามผม สายตาดูแคลนนั้นแทบทำให้ผมร้องไห้ ถ้าหากผมจะมีน้ำตาได้บ้าง ผมไม่เข้าใจ เหตุใดเธอจึงรังเกียจผม หรือเพราะพ่อของเธอมักเอาใจใส่หนังสือเหล่านี้มากกว่า ไม่สิ เธอไม่ได้ชิงชังหนังสือ แววตานั้นมันบอกว่าเธอชิงชังรังเกียจผม ตอนนั้นผมยังไม่รู้ว่าทำไม…

 

ยี่สิบปีผ่านไป เธอมีครอบครัวที่น่ารัก แม้เธอจะไม่มีเวลามาเยี่ยมเยียนหนังสือแต่ละเล่มเหมือนเก่า ห้องสมุดยังคงได้รับการดูแลรักษา ในช่วงเวลาที่เธอมีสิ่งวุ่นวายในชีวิตอย่างมากล้นนั้น ผมกลับคิดถึงความชิงชังรังเกียจบนวงหน้าของเธอ

 

ตอนที่เธอพบผมใหม่ ๆ เธอเคยพยายามดึงผมออกจากหน้ากระดาษเหล่านั้น แต่ผมดื้อดึง ผมจะฉกฉวยข้อความที่ผมชอบติดตัวไปด้วยเสมอ จากนั้นเธอก็เลิก ปล่อยให้ผมเป็นอย่างที่เป็นอยู่ ปล่อยให้ผมได้รู้สภาพของตนโดยลำพัง

 

บัดนี้ผมรู้แล้วว่าเหตุใดเธอจึงเศร้า และเหตุใดเธอจึงหมิ่นแคลนผมด้วยสายตาเสมอ เพียงยี่สิบปีที่ผ่านมา ผมเก่า แก่ และย่นยู่ เสี้ยวส่วนที่เคยยืดหยุ่นวาวใส กลับกรอบแข็ง ขุ่นคราบ และเหลืองเข้ม กายของผม เลือดเนื้อของผมถ้าหากจะมี มันก็ได้ผสานเข้ากับเยื่อใยของกระดาษเหล่านั้นจนเป็นหนึ่งเดียว เราต่างกรอบแห้งและพร้อมปริแตกไปด้วยกัน

 

ไม่ใช่ผมไม่รักหนังสือ ผมรักและอ่านมันทุกเล่มที่ได้พบผ่าน แต่ผมไม่รู้ ไม่เคยรู้ว่าสก็อตเทปใสๆ อย่างผมจะพลอยทำให้กระดาษอันบอบบางและข้อความตัวพิมพ์เหล่านั้นบอบช้ำและพร่าเลือน ในวัยเยาว์ ผมคิดแต่เพียงว่าผมกำลังโอบกอดกระดาษเหล่านั้นไว้ กำลังสมานแผลให้พวกเขาและเธอ ผมจึงกระตือรือร้นทุกครั้งที่ได้สัมผัสสันหนังสือ ผมไม่เคยรู้ว่าวันหนึ่งผมจะกระด้างและปล่อยคราบเหนียวราวกับคนเมาแล้วอ้วกเรี่ยราดใส่สิ่งที่ผมรัก

 

ความร้อนจากแสงแดดและความเศร้าจากการได้รู้ทำให้ผมขดตัวเงียบเชียบ กระดาษกรอบบางลั่นเสียงโอย แต่ผมควบคุมตัวเองไม่ได้จริงๆ ผมได้แต่ขดตัวยิ่งขึ้น ปล่อยให้แต่ละแผ่นรับแรงกดดันจนกว่าจะทนไม่ไหวแล้วผุพังไปพร้อมกัน

 


 

นิชานันท์ นันทศิริศรณ์

นิชานันท์ นันทศิริศรณ์

สนใจการอ่านเขียน แต่อ่านน้อย และเขียนน้อยยิ่งกว่าอ่าน เวลาเครียดชอบล้างจาน

Comments

comments

You may also like

Leave a comment

error: