Graveyard No.4

 

คนรำ

 

หล่อนก็รู้ที่ยายกระโดดลงจากหน้าต่างห้องนอนเรือนยกสูงออกไปดึกๆ ดื่นๆ ทุกคืน ทั้งที่กลางวันนอนแซ่วซมป่วยชราต้องป้อนข้าวป้อนน้ำ

 

ยายแกเคยเป็นคนรำเรียกผีลงรักษาคนเจ็บไข้ รำต่อจากทวดของทวดเพราะแม่แกไม่รับสืบ พอแม่แกมีลูกเขาก็ข้ามไป ในบรรดาลูกสาว 3 คนของแม่ เขาเลือกเอาแก เข้าฝันจูงไม้จูงมือไปรำ ตอนนั้นแกเพิ่งจะ 15

 

หญิงสาวในฝันล้วนแต่สวยๆ ยิ้มแย้มเอ็นดู แต่งเนื้อตัวหมดจด นุ่งซิ่นเสื้ออย่างนางฟ้อน มาห้อมมาล้อมดูแกสอนแก ตื่นฝันคืนนั้นแกนึกลองจีบนิ้วย่อตัว มือไม้มันก็ดัดช้อยไปอย่างกับนางฟ้อนเรียนมาแต่เล็ก

 

พอรำแล้วมันก็กลายเป็นแกขึ้นเรื่อยๆ แกก็บอกให้แม่ไปเอาโน่นเอานี่ ทำพิธีตั้งขันโตก บายศรี สะตวง เซ่นไหว้ทั้งผีใหญ่น้อย แล้วแกก็รับเป็นคนรำ

 

ที่จริงถ้าแกถือเคร่งครบมันก็ดีก็งามกับแก แต่ที่ผิดนี้จะว่าก็คงไม่เต็มปากนัก เกิดมาสักครั้งหนึ่งคนเราก็ต้องรัก รักแล้วให้ผีไหนจะห้ามอยู่

 

แกจะเต็ม 20 อยู่แล้วปีนั้น พูดกันอย่างเมื่อก่อนก็เต็มสาวแล้ว คนอื่นมีเหย้าไปตั้งแต่ 16-17 แกรักเอากับช่างทำโบสถ์ต่างถิ่นคนหนึ่ง แต่หมดงานหน้าแล้งเขาก็ไป ทิ้งแกไว้กับลูกในท้องที่จะเกิดมาเป็นแม่หล่อน

 

คนเขาชังแกเพราะผิดรีตผิดเรือน นานทีถึงจะมีคนมาหา คนที่มานี่ก็เพราะเข้าตาจนไปหาใครแล้วก็ไม่หาย แต่มาหาแกก็ใช่ว่าจะหาย แกก็เลยทั้งต้องรำทั้งต้องดำนาทำไร่เลี้ยงลูกไป

 

แกยังรำได้ แต่ก็รู้ว่าข้างในถูกกิน เหมือนมีหมึกหยาดลงขันตั้งน้ำใสๆ มันก็เจือเรื่อยจนดำเข้มแล้วสุดท้ายก็เป็นขันหมึกไป พอลูกสาวเริ่มตั้งไข่แกก็เริ่มอยู่วันพระวันโกนไม่ได้ ร้อนทุรนทุรายต้องลุกมารำ บางรำก็หายบางรำก็ไม่หาย

 

ร้องห่มร้องไห้อยู่ๆ เงียบ แกรู้ว่ามันจะมา แต่ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่ แล้วแกจะปิดได้ถึงไหน แกกลัวจะเลี้ยงลูกไม่ทันโตก็ฉิบหายไปเสียก่อน

 

แต่สุดท้ายก็ต้องมาฆ่าลูกในไส้เพราะแกรักหลาน

 

ตั้งแต่หลานคลอดมาได้ยินมันร้องอุแว้แกก็รักมันแล้ว รักจนร้องไห้เสียอกเสียใจ แกรู้จากวิญาณแกเมื่อมองทารกในกอดว่านี่กูเอง เป็นกูเองที่จะต้องได้ดีกว่า แกประคบประหงมเอาใจหลาน อยากกินอะไร อยากเป็นอะไร แกให้หลานหมด จนมัน 13 ก็มาเกิดเรื่อง

 

แกยังเป็นคน แต่ครึ่งตัว แอบกินคาวกินเลือด ทั้งชังทั้งริษยาก็กินแก

 

แกกินลูกก็เพราะมันไม่รักหลาน มันรักผัวใหม่ถึงขนาดจะให้ผัวเอาลูกทำเมีย มันทั้งคู่อยู่ๆ วันหนึ่งก็ได้แต่นอนติดฟูกลุกไม่ได้อีกเลย แล้วก็ซูบจนป่วยตายไปเพราะแกกินข้างในจนวิญญาณ

 

บาปนั้นเองแกถึงเป็นปีศาจจนเต็มคน

 

วันที่แม่กับพ่อตาย หลานเข้าไปกราบเท้าแกร้องไห้ แกก็มองมันแล้วร้องไห้ตามว่ากูไม่ใช่ยายมึงแล้ว

 

มึงหลีกได้ก็หลีก หลบได้ก็หลบ อย่ากินข้าวกินน้ำกับกู ห้องหับปิดขวางให้แน่น ทำอะไรก็ระวัง

 

หล่อนเฝ้าดูแลยายมาสิบกว่าปีแล้ว วัยสาวกำลังเลยผ่าน ใครก็ชังหล่อนว่าหลานยาย มีรักแต่ไม่มีใครรัก งานการก็ต้องไปหาเอาต่างบ้าน เที่ยงก็กลับมาป้อนข้าวแก เย็นก็กลับมานอน มันคงจะเป็นไปจนกว่าหล่อนจะตาย หรือแกจะตาย

 

หล่อนไม่เคยบอกยายว่าหลังจากพ่อแม่ตายหล่อนฝัน

 

มีคนมาจูงมือหล่อนขึ้นเรือน หญิงสาวสะสวยคนหนึ่งถามหล่อนว่ารำไหม รำเถิด และทุกครั้งหล่อนจะได้ยินเสียงยายจากใต้ถุนตะคอกว่า ‘มึงอย่ารับ กูตายแล้วมึงก็ไปตามชีวิตมึง บ้านเปลี่ยนเรือนเปลี่ยนแล้วก็ไปตามเปลี่ยน’

 

หญิงสาวในนั้นพากันหน้าเคียดขึ้ง คนหนึ่งย่ำลงเรือน ได้ยินเสียงยายโอดโอยร้องไห้เหมือนถูกเขาตี

 

หล่อนกลัวจนตื่นกลางดึกเสมอเมื่อฝันได้ยินยายร้องไห้ แต่หล่อนไม่กล้าไปจากห้องตัวเอง เพราะยายกำชับไว้ว่าดึกดื่นอย่าออกจากมุ้ง

 

หล่อนเชื่อ เพราะเมื่อยังเด็กหล่อนเคยเห็นยายนั่งยองๆ อยู่นอกมุ้งจ้องหล่อนในคืนหนึ่ง

 


 

ชินรัตน์ สายอุ่นใจ

ชินรัตน์ สายอุ่นใจ

Kappasaisai@gmail.com

นักเขียนผู้หลงใหลการลับมีด เจ้าของเรื่องสั้น "ชายชราเบาหวาน" ที่ได้รับรางวัลนายอินทร์อะวอร์ดประเภทเรื่องสั้น ปี 2555 ปัจจุบันใกล้จะมีนวนิยายของตัวเอง 1 เล่ม กับสำนักพิมพ์ Boligraf Book ยังคงเขียนงานอยู่อย่างต่อเนื่องที่บ้านของตน

Comments

comments

You may also like

Leave a comment

error: