SCHOOL LIFE No.8

 

 

เรื่องไม่จริง

 

 

เพื่อนสนิทบอกว่า ‘ลองสิ สนุกดีออก’ ไม่เข้าใจว่ามันสนุกยังไง เราก็รู้อดีตตัวเองอยู่แล้ว แบบนี้ก็เหมือนหมอดูทั่วไป แต่เพื่อนบอกว่าไม่ใช่ มันต่างกัน

 

ฉันเลยไปหาเขาเมื่อภาคเรียนก่อน เด็ก ม.5 ห้องข้างๆ ให้เขาพูดอะไรเกี่ยวกับฉันสักอย่าง

 

เขาบอกว่า ‘ฉันตายไปแล้วเมื่อสองปีก่อน’

 

ฉันโกรธ หัวเราะ ลึกข้างในสั่นเทา

 

สีหน้าเขาไม่ได้ล้อเล่น

 

กับเพื่อนสนิทฉัน เขาบอกว่าเมื่อเดือนที่แล้วได้พบคู่แท้

 

แบบนี้ก็เดามั่วๆ ไม่ใช่หรือไง

 

ไม่เห็นสนุกเลย

 

มีคนขอให้เขาทำนายทายทักอนาคตเยอะแยะ แต่เขาก็พูดถึงเฉพาะอดีตที่ไม่เคยเกิดขึ้น

 

คราวนี้ก็ทักอีกว่า ‘เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเธอทำกระเป๋าตังค์หาย’

 

“ฉันจะทำกระเป๋าตังค์หายได้ยังไงถ้าตายไปแล้ว” ฉันหัวเราะ แต่เขาทำสีหน้าจริงจังเหมือนทุกครั้ง

 

—————

เป็นเรื่องของโอกาสในอดีต ผมเห็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับคนอื่นทั้งๆ ที่ไม่ได้เกิด

 

แต่พวกเขาก็เชื่อ อย่างครั้งหนึ่งผมบอกเพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งว่าเมื่อเดือนก่อนเขาตกบันไดแขนหัก เขาตกจริง แต่แค่ถลอกฟกช้ำ เขาไม่เคยบอกใคร

 

โลกนี้ไม่ได้บังเอิญ จากความเป็นไปได้ 100 มี 1 สำเร็จ 99 ผิดพลาด ผมเห็นความเป็นไปได้อันดับ 2 ที่เฉียดใกล้ที่สุดซึ่งไม่เกิดขึ้น

 

มันทำให้ผมเศร้า… ที่พบว่าใครบางคนพลาดโอกาสบางอย่างไป หรือใครบางคนกำลังเจ็บปวดอย่างไรในตอนนี้

 

ผมไม่ได้บอกทั้งหมดที่รู้ให้เด็กต่างห้องคนนั้นฟังว่าสิ่งที่ผมเห็น คือเมื่อสองปีก่อนเธอฆ่าตัวตาย

 

เป็นครั้งแรกที่มองเห็นความตายคนอื่น ทั้งน่าเศร้าและน่าค้นหา ผมตามจนได้รู้ว่าครอบครัวเธอล้มละลาย เงินเธอมีใช้ทุกวันนี้มาจากรับจ้างเป็นเพื่อนเช่าให้นักเรียนกระเป๋าหนัก ทั้งชายและหญิง

 

“พวกนั้นอยากมีเพื่อน” เธออธิบาย “ไม่ได้อยากเอา อาจจะอยากเอาก็ได้ แต่ฉันไม่ขาย”

 

วันหนึ่งเธอมาหาที่ห้องเรียนตอนพักเที่ยง คนอื่นไปตากแอร์ที่ห้องคอมพิวเตอร์เตรียมเรียนคาบบ่าย ผมอยู่ที่ห้องเรียนเสมอ เผื่อว่ามีใครอยากถามอะไร

 

ผมบอกว่าเมื่อสองเดือนก่อนเธอทำกระเป๋าตังค์หาย

 

“ฉันจะทำกระเป๋าตังค์หายได้ไง ถ้าฉันตายไปแล้ว” เธอหัวเราะ

 

เปล่า เธอยังมีชีวิต มันเป็นแค่เรื่องที่ไม่เกิดขึ้น

 

“แต่โชคดีนะที่ไม่หาย ฉันเก็บเงินทุกบาทไว้ในกระเป๋าตังค์ บัตรธนาคารก็ด้วย” เธอเอนหลังลู่ไปกับเก้าอี้

 

“นายเห็นแบบนี้กับทุกคนงั้นเหรอ” เธอเท้าคางมองสงสัย

 

“ทุกคน แต่ไม่ได้เห็นทุกอย่าง เรื่องสำคัญก็ไม่ได้มีบ่อย” ผมตอบ

 

“ถ้างั้นมันต่างกันยังไงกับเวลามีคนมาเล่าเรื่องเฉียดตายให้เราฟัง แล้วเราก็บอกว่า ‘ดีนะที่ไม่ตาย’ นั่นก็พูดถึงความตายที่ไม่เกิดขึ้นจริงแต่มีความเป็นไปได้ไม่ใช่เหรอ คนธรรมดาก็คาดเดาได้” เธอตั้งข้อสังเกต

 

“พวกเขาไม่ต้องเล่าอะไรให้ฟังฉันก็รู้ เหมือนเรื่องกระเป๋าตังค์เธอ ต่างกันตรงนี้” ผมตอบ

 

“แล้วถ้าเป็นเรื่องดีๆ ที่ไม่เกิดขึ้นนี่คนถามจะไม่โกรธแย่เหรอ”

 

“เพราะงั้นถึงมีคนที่ไม่อยากรู้ไง” ผมบอก “เพราะแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว เกิดขึ้นไปแล้ว จบลงแล้ว”

 

“มีเด็กแถวบ้านคนนึงพ่อรถคว่ำตาย” ผมถอนใจ เบือนหน้าหนีไปทางอื่น วันนี้อากาศเย็นลงอีก ลมหนาวโหมผ่านหน้าต่างที่เปิดไว้

 

“เขาพูดกับฉันว่า ถ้าพ่อไม่ออกไปกินเหล้ากับเพื่อนก็คงไม่ตาย ฉันได้แต่เงียบ สิ่งที่ฉันเห็น พ่อเธอไม่ตาย แต่ไปค้างบ้านชู้รักที่แอบคบมานาน”

 

เหมือนเวลาหยุดลงในตอนนั้น ผมจำความรู้สึกสูญเสียพ่อของเด็กคนนั้นได้ มันเจ็บปวดเหลือเกิน

 

“เธอเอาใจเก่งงั้นสิ” ผมถามกลับบ้าง

 

“ก็เป็นงานนี่ ฉันทำให้พวกเขาสนุก ไปดูหนังด้วย เล่นเกม กินข้าวด้วยกัน แล้วแต่อยากจะทำ โทรคุยเหมือนเป็นเพื่อนปรึกษาก็ได้นะ” เธอยิ้ม

 

“พวกนั้นขาดเพื่อนเหรอ” ผมขมวดคิ้ว เธอหัวเราะ

 

“บ้า ใครก็มีเพื่อน นายก็มีไม่ใช่หรือไง แต่มันก็ไม่เกี่ยวกันนี่” เธอบอก

 

“รู้ไหมถึงตอนนี้เพื่อนฉันยังตามหาคนนั้นที่นายบอกอยู่เลยนะ” เธอเล่า

 

“มันทำให้เพื่อนเธอไม่สบายใจงั้นเหรอ?” ผมถาม

 

“ไม่หรอก มีความหวังน่ะ ถึงจะเศร้าๆ บ้าง รู้ไหม ในมุมนึงนายก็เหมือนหมอดูเลยนะ ทายทักเรื่องสำคัญ ในเรื่องที่ไม่เกิดขึ้นจริงมันมีอะไรบางอย่างที่ส่งมาถึงความจริง อย่างชู้รักของพ่อเด็กคนนั้น หรือคู่แท้ของเพื่อนฉัน” เธอพยายามให้กำลังใจ

 

เพราะแบบนั้นถึงมีคนมาหาให้ผมบอกสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นกับพวกเขา

 

“มันก็เกือบจะเป็นความจริงแล้วล่ะ” เธอเปลี่ยนเรื่องฉับพลัน ยิ้มเศร้า “ฉันเกือบตายเมื่อ 2 ปีก่อน”

 

ผมรู้ รอแค่เวลาที่เธอจะยอมรับออกมา

 

“ขึ้นไปบนดาดฟ้าบ้าน อยู่ๆ ก็คิด ‘ถ้ากระโดดลงมาจะเป็นยังไงนะ’ เป็นความรู้สึกกลวงๆ อยู่ข้างในว่าถ้ากระโดดนะ ฉันก็คงถูกเติมเต็ม” เธอลุกเดินวนไปรอบๆ ห้องคงยากที่จะนั่งเผชิญหน้าแล้วเล่าเรื่องนี้

 

ผมเห็นความเจ็บปวดอับอายในอาการของเธอ

 

“นายคิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่” เธอถาม คงรู้ว่าความรู้สึกแบบ ‘ถ้ากระโดดลงมาจะเป็นยังไงนะ’ มันจะวนเวียนมาหาเธออยู่เรื่อยๆ

 

“ฉันไม่รู้อนาคตหรอก” ผมเอ่ยเหมือนขอโทษ

 

“นั่นสินะ” เธอถอนใจ “ถ้างั้น… เล่าให้ฟังหน่อยสิ ว่าตั้งแต่ฉันเกิดมามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง”

 

เธอมอง เว้าวอนให้ผมเล่าถึงชีวิตที่ 2 ที่เธอไม่ได้มา

 

“เธอถูกน้ำร้อนลวกที่หลังมือขวาตอน 3 ขวบ” ผมเริ่มเล่า

 

“ตอนอนุบาลสองสอบได้ที่ 2 เธอร้องไห้เพราะคิดว่าน่าจะได้ที่หนึ่ง เธอได้ไปต่างประเทศตอน ป.3 พอ ป.6 ที่บ้านก็…ล้มละลายเพราะทำธุรกิจผิดพลาด ฉันไม่รู้ว่าบ้านเธอล้มละลายเพราะอะไร แต่ในความเป็นไปได้ที่ 2 มันก็ยังเป็นแบบนั้น แล้วเธอก็ตายไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เดินลงบึงหลังหมู่บ้าน ปีต่อมาเธอแขวนคอตัวเอง เมื่อปิดเทอมก่อนเธอมีแฟน เจอตอนไปเรียนพิเศษ สองเดือนก่อนเธอทำกระเป๋าเงินหาย”

 

มีเรื่องสำคัญที่เกิดขึ้นในชีวิตเธออีกมาก ผมแค่เล่าเรื่องที่อยากเล่า เธอรับฟัง ไม่ได้กล่าวเสริมหรือแย้ง ผมเลยไม่รู้ว่าความเป็นจริงเกิดอะไรขึ้น

 

“ตายสองครั้งเลยงั้นเหรอ” ใบหน้าเธอคล้ายจะยิ้มตลกให้สิ่งที่ได้ฟัง แต่มันไม่อาจกลบกลืนความเศร้า

 

“ใช่” ผมก้มหน้า

 

“ฟังแล้วเจ็บปวดจัง” น้ำเสียงเธอล้อเล่น แต่เจ็บปวด

 

“อยากรู้อะไรที่มันไม่เกิดขึ้นก็ถามฉันได้” ผมพูด คำให้กำลังใจงี่เง่า เธอก็เลยหัวเราะ

 

“วันนี้ไปกินข้าวเย็นกันไหม” เธอชวน

 

“ฉันมีแค่เงินจ่ายค่าข้าว” ผมปฏิเสธ

 

“ถือว่าใช้ค่าหมอดูก็ได้” เธอรบเร้า

 

ในตอนนั้นผมมองเห็นความเป็นไปได้ที่จะไม่เกิดขึ้นของตัวเองวูบเข้ามาในความนึกคิด เป็นเรื่องเมื่ออาทิตย์ก่อน ผมมองเธอ คิดถึงความเป็นไปได้ที่ไม่เกิดขึ้นนั้น

 

ผมตอบตกลงมื้อเย็น ก็ดีเหมือนกัน อยากลองไปกินข้าวกับเธอสักครั้ง อยากรู้ว่างานของเธอเป็นยังไง

 


 

ชินรัตน์ สายอุ่นใจ

ชินรัตน์ สายอุ่นใจ

Kappasaisai@gmail.com

นักเขียนผู้หลงใหลการลับมีด เจ้าของเรื่องสั้น "ชายชราเบาหวาน" ที่ได้รับรางวัลนายอินทร์อะวอร์ดประเภทเรื่องสั้น ปี 2555 ปัจจุบันใกล้จะมีนวนิยายของตัวเอง 1 เล่ม กับสำนักพิมพ์ Boligraf Book ยังคงเขียนงานอยู่อย่างต่อเนื่องที่บ้านของตน

Comments

comments

You may also like

Leave a comment

error: