คุณยายหมาป่า

 

 

“บางคราเราก็อุ่นใจกว่า หากได้เล่าเรื่องไม่สบายใจให้คนแปลกหน้าฟัง” – นี่คือคำโปรยบนป้ายบอกทางไปกรงหมาป่า

 

หลังการซบเซาของกระแสเจ้าชายกบ สวนสัตว์ก็ประชาสัมพันธ์กิจกรรมใหม่เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา บัดนี้ กรงหมาป่าที่เคยเปิดให้ผู้คนมาสวมใส่ชุดคลุมสีแดงเพื่อถ่ายรูปกับบรรดาหมาป่าสุดเฟิร์มนั้นได้เพิ่มเติมบริการใหม่

 

หมาป่าในกรงนี้ล้วนพูดภาษามนุษย์ได้ในระดับเพียงพอแก่การทักทายผิวเผิน แต่หมาป่าตัวล่าสุดนั้นเพิ่งจบการศึกษาใหม่หมาดจากสถาบันสอนให้คำปรึกษาด้านจิตบำบัด ผู้อำนวยการสวนสัตว์เห็นแววด้านการใช้ภาษาอันละเมียดละไมจึงให้ทุนมันไปเรียนต่อในต่างแดนและหวังจะให้มาเป็นจุดขายใหม่แก่สวนสัตว์ ทั้งยังอาจช่วยให้คำปรึกษาแก่เพื่อนพ้องสรรพสัตว์เพื่อบรรเทาอาการเครียด วิตกกังวล ซึมเศร้าอันเกิดจากการถูกจ้องมอง

 

วันแรกของการทำงาน (ที่น่าจะไปได้ดี) กลับไม่มีใครสักคนเดียวที่ซื้อตั๋วเข้ามาพูดคุยกับเจ้าหมาป่านักจิตบำบัด (คงเพราะสีหน้าสีตาและบุคลิกอันทื่อมะลื่อของมันกระมัง) สัปดาห์ต่อมาผู้อำนวยการสวนสัตว์ผู้มีไอเดียบรรเจิดเสมอจึงสั่งให้หมาป่านักจิตบำบัดสวมชุดคุณยาย (เจ้าหมาป่าเขาก็ไม่ค่อยจะอยากใส่นักหรอก ถ้าเลือกได้ก็อยากจะใส่ชุดแบทแมนมากกว่า) พร้อมทั้งเปิดจำหน่ายชุดคลุมสีแดงให้ผู้เข้ารับคำปรึกษาได้สวมใส่แทนการจำหน่ายตั๋วธรรมดา

 

ชุดคลุมสีแดงนี้เบาบางแต่ก็ปกปิดตัวตนของผู้สวมใส่ได้ดียิ่ง ฮู้ดที่คลุมลงมาครึ่งหน้าช่วยซ่อนแววตาละอายหรือแค้นเคืองไว้มิดชิดและเปิดเผยให้เห็นเพียงริมฝีปากของเจ้าของเรื่อง เท่านั้นก็เพียงพอแก่การเปิดเผยชีวิตทั้งชีวิตของผู้สวมใส่

 

เมื่อเปลี่ยนกลยุทธ์ ผู้เข้าชมสวนสัตว์ก็มาใช้บริการที่กรงหมาป่ากันหนาตาขึ้น กิจกรรม “Meet Grandma” คิวแน่นจนต้องนัดล่วงหน้าหลายสัปดาห์ ผู้คนที่เคยรับคำปรึกษาจากกิจกรรมนี้ บางคนชีวิตดีขึ้น คลายปมในใจได้ และต่างก็แนะนำบอกต่อ

 

ลูกค้าที่มาใช้บริการมีหลากหลายเพศและอายุ แต่กลุ่มหลักยังเป็นวัยรุ่นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่มีปัญหากับที่บ้าน หากมีใครทำวิจัยก็อาจได้ผลการศึกษาว่า คุณยายหมาป่าได้ช่วยให้วัยรุ่นหลายคนเป็นตัวของตัวเองโดยไม่ต้องทำร้ายตนเองหรือใครอื่น

 

แม้กระแสจะมาแรงและมีผู้รักษาเห็นผลจริง แต่ก็มีกลุ่มต่อต้านการพูดคุยกับหมาป่าและประท้วงให้สวนสัตว์ยกเลิกกิจกรรมนี้ กลุ่มผู้ประท้วงให้เหตุผลง่ายๆ ว่า หมาป่าก็คือหมาป่า และมันย่อมล่อลวงให้บรรดาวัยรุ่นเสียผู้เสียคน หรือล่อลวงไปทำมิดีมิร้าย

 

แม้ผู้คนจะห่างหายไปบ้างเพราะกระแสดังกล่าว แต่ก็ยังมีเด็กสาวคนหนึ่งมาปรึกษาปัญหากับคุณยายหมาป่าทุกสัปดาห์

 

 

ครั้งแรกที่พบกัน เธอเดินเข้ามาช้าเชือน เอ่ยกับคุณยายหมาป่าว่า เธอกำลังจะตาย แต่เธอก็ไม่อยากตาย (ผิดจากผู้เข้ารับคำปรึกษารายอื่นที่มักอยากตายมากกว่าอยู่) พร้อมยื่นแขนข้างหนึ่งโผล่พ้นเสื้อคลุมสีแดงสด ท่อนแขนของเธอเล็กดังแขนหญิงสาวในสื่อโฆษณา ทว่าผิวกายที่ขาวผ่องนั้นกลับมีตุ่มแดงเรื่อผุดพรายขึ้นทั่ว บางตุ่มนั้นคล้ายมีน้ำเหลืองไหลเกรอะ บางตุ่มนั้นกลับกลายเป็นรูสีแดงสดและคล้ายมีปรสิตชอนไชอาศัยอยู่ – เธอบอกว่านี่คือดาราจักรส่วนตัว คือแผนที่ดวงดาวที่เธอเท่านั้นเป็นผู้ครอบครอง รอยยิ้มเปื้อนแก้มในวันนั้นยืนยันว่าเธอไม่ได้พูดเพื่อประชดชีวิต

 

หมาป่าในคราบคุณยายผู้อ่อนโยนมองท่อนแขนนั้น หนอนสีขาวขุ่นตัวหนึ่งเชิดหัวขึ้นแล้วหลุบลงไปในท่อนแขนของเธอเมื่อถูกจ้องมอง แววตาที่มองผ่านเลนส์สายตาขนาดใหญ่กลับสงบนิ่ง ไม่ว่าเบื้องหน้าจะเป็นอย่างไร ท่อนแขนเรียวขาว เรียบเนียน เกลี้ยงเกลา หรือจะคล้ำเข้มเต็มด้วยหนอง แววตาของคุณยายหมาป่าก็ไม่แสดงออกถึงความรู้สึกรู้สา

 

ความนิ่งงันในแววตาเจ้าหมาป่านี่เองที่ทำให้ผู้อำนวยการนึกเอาว่า นอกจากทักษะทางภาษาแล้ว เจ้าหมาป่านี่ก็ช่างมีแววที่จะพัฒนาไปสู่นักจิตบำบัดผู้รับมือกับความป่วยไข้ได้ทุกกรณี และความนิ่งงันเช่นนี้เองที่ทำให้เด็กสาวยังค้างแขนของเธอไว้เช่นนั้น เขาผ่านบททดสอบของเธอโดยไม่ต้องพยายามเลย

 

“ไม่รู้สาเหตุ จู่ๆ ก็เป็น … จะลามไปเรื่อย แต่ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนจึงทั่ว…” จากนั้นเธอก็เริ่มเล่าเรื่อง

 

สัปดาห์ต่อสัปดาห์ เรื่องเล่าของเด็กสาวดำเนินไป ทุกครั้งที่เธอถูกกระทำในเรื่องเล่าของตน ดาราจักรจะขยับขยาย ปวดแสบปวดร้อนก่อนผ่อนคลายกลายเป็นไม่รู้สึกในอีกสามสี่วันให้หลัง เขาฟัง ออมคำพูด เลือกเฉพาะถ้อยคำที่เอื้อให้เด็กสาวตีความไปในทางสร้างสรรค์ เขาไม่เคยช่วยเธอระบุว่าใครเป็นคนผิด ทั้งที่เรื่องเล่าเต็มไปด้วยผู้ถูกกระทำซึ่งก็คือเธอ

 

หลักสูตรการให้คำปรึกษาขั้นต้นบอกไว้ชัด การกล่าวโทษและระบุคนผิด ไม่ว่าจะเป็นการโทษตนเองหรือผู้อื่นล้วนมิใช่ทางแก้ปัญหา แต่เหตุที่คุณยายหมาป่าไม่กล่าวโทษใครในเรื่องเล่า ไม่ใช่เพราะเขาเชื่อและปฏิบัติตามที่ได้ร่ำเรียน แต่เป็นเพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่ผิด และหากตกอยู่ในสถานการณ์เช่นเดียวกับคนที่ทำร้ายเธอ เขาจะไม่รังแกเธอหรือ? เขาลังเลสงสัยอยู่ลึกๆ

 

 

บางคนมีรังสีความน่าแกล้งสูงกว่าใครอื่น เธอคือคนประเภทนั้น ขนาดเจ้าหมาป่าผู้ไม่เคยรู้สึกรู้สากับสิ่งใดก็ยังรู้สึกอยากแกล้งเธอ ยิ่งหลายสัปดาห์ผ่าน ทั้งปรสิตบนท่อนแขนและน้ำเสียงช้าเชือนเล็กกระจ้อยแต่แน่วแน่ตั้งมั่นที่ถ่ายทอดเรื่องเล่าของเธอ ทั้งหมดนั้นกระตุ้นสัญชาตญาณ เขาผู้ไม่เคยรู้สึกทั้งสุขและเศร้ากลับสัมผัสได้ถึงมวลอารมณ์บางอย่างที่กระซิบและผลักดันให้เขาทำอะไรสักอย่างกับเธอ อะไรสักอย่างที่จะทำให้เรื่องเล่าของเธอ … มีเขาเป็นตัวละครหลักบ้าง

 

เขาได้แต่รู้สึกแปลกประหลาดใจ อยากแกล้ง อยากใกล้ แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เขารับมือและรู้จักทุกความรู้สึกของมนุษย์และสัตว์อื่น แต่เขาไม่เข้าใจความรู้สึกนี้ของตน

 

แต่ละสัปดาห์ที่ผ่านไป เขายังคงรับฟังเรื่องราวของเธอ มอบรอยยิ้มอบอุ่นในแบบฉบับคุณยายหมาป่าพร้อมคำปลอบใจสั้นๆ แม้หลายสัปดาห์ต่อมา ทุกสิ่งก็ยังดำเนินไปเช่นเดิม ความรู้สึกของเขาไม่โลดขึ้นแต่ก็ไม่เลวลงไปกว่านี้ ความอึดอัดคับข้องหนึ่งเดียวคือเขาไม่รู้ว่าตนเองจะไปอยู่ในเรื่องเล่าของเด็กสาวได้อย่างไร

 

นี่ไม่ใช่รัก และนักจิตบำบัดไม่รักคนไข้ นี่เป็นเรื่องของจรรยาบรรณ เป็นเรื่องของการงาน แต่ความรู้สึกอยากแกล้งเธอเป็นความรู้สึกไม่กี่อย่างที่เขาได้สัมผัสนับตั้งแต่เติบโตมา และก็อาจเป็นความรู้สึกที่รุนแรงที่สุดแล้วด้วย — ถึงแม้ว่าจะเข้มข้นรุนแรงเพียงใด เขาก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าที่เคยทำในสัปดาห์ก่อน – ทักทาย รับฟัง ยิ้ม เอ่ยลา

 

เหตุการณ์ก็คงความน่าเบื่อแก่ผู้อ่านต่อไปเช่นนี้ และคงความอึดอัดใจแก่เขาผู้ต้องรับบทเป็นคุณยายหมาป่าต่อไปเรื่อยๆ

 

กระทั่งสัปดาห์ที่สองของปีที่สาม เสื้อคลุมแดงผืนใหม่ถักทอเส้นใยละเอียดงามกว่าเก่ากลับย่นยู่ลู่แนบตามร่างบอบบางของเด็กสาว คราบน้ำเหลืองซึมเปื้อนผ้าเป็นบางจุด ดาราจักรลุกลามชัดเจนและยิ่งรวดเร็วเมื่อเธอเริ่มเล่าถึงชายหนุ่มนิรนาม เธอไม่ใช่เด็กสาวคนเดิมอีกต่อไป รอยแดงไม่ได้มีความหมายว่าแผนที่ดวงดาวอีกแล้ว ความป่วยไข้ของเธอขยับขยายเร่งร้อนราวกับไฟป่าที่ผลาญทำลายทุกความสดชื่น “อยากตายไปให้พ้นๆ” เธอเค้นฟันเอ่ยประโยคสุดท้ายของเรื่องเล่าในสัปดาห์นั้น

 

 

สัปดาห์ที่เท่าไหร่กันแน่นะที่เธอมาเพื่อบอกลา ร่างกายของเธอทรุดหนัก ปรสิตตื่นเต้นที่ได้กลืนกินเธอด้วยอัตราเร่ง ไอ้โง่ที่ไหนก็รู้ได้ทันทีที่เห็น เขาจะไม่ได้เจอเธออีก เขาก็รู้ แต่เขาในคราบคุณยายหมาป่าก็เอ่ยได้เพียงคำลาสั้นๆ แย้มยิ้มอุ่นละมุนแบบคุณยายตามหน้าที่ที่พึงกระทำ ทั้งที่อยากเป็นตัวเองให้เธอได้เห็นเป็นครั้งสุดท้าย ทั้งที่อยากทำเช่นนั้นแต่ทั้งหมดที่เขาทำคือยิ้มและมองเธอจากไปผ่านแว่นวินเทจของคุณยายหมาป่า

 

เด็กสาวไม่กลับมาอีก เธอในชุดคลุมสีแดงผู้มีแผนที่ดวงดาวประดับประดาทั่วกาย ไอ้โง่ที่ไหนก็รู้ว่าเธอจากไปแล้ว เขาก็รู้ ทุกวันดำเนินไปตามปกติ ขาดเธอไปเขาก็ไม่ตาย แต่ห้าปีหลังเธอจาก สิ้นสัญญาการใช้ทุน เขาเลิกเป็นคุณยายหมาป่า ส่งต่อแฟ้มประวัติให้หมาป่ารุ่นต่อไป และกลับมาเป็นตัวเอง

 

เขาเริ่มต้นเล่าเรื่องของเธอ เขียนถึงเธอเรื่องแล้วเรื่องเล่า ซีรี่ย์ “Parasite Girl” มีตัวละครเอกชื่อดาราจักรเป็นที่รู้จักทั่วและกลายเป็นแอนิเมชั่นในเวลาต่อมา

 

“สาวปรสิต” ขายดีต่อเนื่อง ใครๆ ก็ชอบอ่านเรื่องที่คนอื่นถูกกระทำ แต่เธอในเรื่องเล่าก็ชนะเสมอ เพราะมีหมาป่าหนุ่มนักประดิษฐ์คอยช่วยเหลืออย่างลับๆ

 


NX

NX

นักเขียน / NX's home

นักเขียนนิทานที่พยายามทลายทุกข้อจำกัดของเรื่องเล่า ตั้งใจจะเขียนงานสม่ำเสมอเหมือนกัน

ขนปุย

ขนปุย

นักวาด / บ้านขนปุย

นักวาดภาพผู้กำลังฝึกฝนตนเองให้เป็นประชากรเช้า ตั้งใจว่าปีนี้จะมีผลงานสม่ำเสมอ

Comments

comments

You may also like

Leave a comment

error: