ศพในเมืองอมตะ

 

 

ฉันไม่ได้ฝังศพเขาในป่าช้า
สัปเหร่อยิ้มทักในเงามืด
ไม่มีใครตายมานานแล้ว
ว่ากันว่าผู้คนเป็นอมตะ

 

นานทีปีหน สัปเหร่อจำฉันได้ดี
ครั้งที่สามแล้วที่ฉันมา
ศพก่อนหน้าไม่ไกลนัก
ป่านนี้คงกลายเป็นธุลี
ดินแถบถิ่นนี้มีฤทธิ์ย่อยสลายยวดยิ่ง
แต่ไม่เร็วเท่าการลืมของคน

 

ศพแรก
ฉันฝังเขาในป่าช้า
ถ้าทำได้ก็ไม่อยากฝัง
ทำงานยาก
ตายจากด้วยคำหวาน
มดแมลงไต่ตอมไม่ขาด
หวานเยิ้มจนน่าขยะแขยง

 

ศพที่สองในป่าช้า
ตายด้วยเส้นสาย
ไต่ตนขึ้นไปสูงนัก
แล้วกลับตกลงมา
แหลก…แต่ยังพอมีร่างให้ฝัง

 

ส่วนคนที่สาม
สัปเหร่อไม่ต้องช่วยขุดแบบครั้งก่อน
ฉันไม่ต้องลงแรง

 

เขาตายด้วยความจริง
เพราะพูดมันออกมา
ขณะที่ไม่มีใครพูดกันแล้วในยุคสมัยนี้

 

“ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย”
เมื่อไม่มีศพ ก็ไม่มีความตายปรากฏ
หลุมที่ขุดรอไว้ไร้ประโยชน์
เขาจะไม่มาลงหลุม

 

ไม่มีศพ ก็ไม่มีความตาย
พรุ่งนี้ฉันจะกลับเข้าเมือง
แล้วเอ่ยความจริงในเมืองอมตะนั้น

 


 

อิสราวสี

อิสราวสี

เก็บเล็กผสมน้อย จนกลายเป็นบทกวีกระจ้อยร่อยแต่ละบท

Comments

comments

You may also like

Leave a comment

error: