ปีใหม่หรือ?

 

ปีใหม่หรือ?
.
คงคล้ายๆ กับพรุ่งนี้นั่นแหละ
มันเติบโตขึ้นอีกหนึ่งวัน
ล้างหน้าแปรงฟันที่จุดเดิม
ยาสีฟันลดลงนิดหน่อยจากเมื่อวาน
แต่มันก็ยากจะสังเกตเห็น
กับทั้งชีวิตที่โตขึ้น และยาสีฟันที่ลดลง
.
แตกต่างไปอย่างไร
มันได้นอนหลับๆ ตื่นๆ
กินเหมือนเดิม
ขับถ่ายเหมือนเดิม
มีหวังขึ้นบ้างเล็กน้อยจากบรรยากาศรอบตัว
แต่แล้วก็อาจหมดหวังจากบรรยากาศเดียวกัน
.
มองย้อนไปตลอดทั้งปี
มันก็เห็นเฉพาะที่อยากจะเห็นนั่นแหละ
มันลืมอารมณ์ของเดือนกุมภาฯ
หรือลืมกระทั่งความเจ็บปวดในเดือนถัดมา
ปีทั้งปี มันบ่นว่ามันเจ็บปวด สาหัส
แต่มันก็เจอมาทุกปี แค่อาจรู้สึกมากหน่อย
เพราะแผลยังสดใหม่เท่านั้น
เรื่องดีก็มาก เรื่องเลวก็เยอะ
ชีวิตมันก็แบบนี้
.
แล้วมันก็พบกับคุณคนหนึ่ง
คุณที่มุ่งมั่นอย่างสุดใจ
ปีหน้าคุณจะดีขึ้น คุณบอกแบบนั้น
แต่ไม่รู้ว่าคุณเชื่ออย่างนั้นไหม
คุณขอบคุณตัวเองที่พาชีวิตผ่านมาได้
แต่คุณไม่เคยตำหนิตัวเองที่ผ่านมาได้ไม่ดี
ต้องคิดแบบไหน มองอย่างไรดี
ชีวิตมันดีอยู่แล้ว หรือแค่ปัดทิ้งไปก่อน
คืนข้ามปีนะโว้ย ทำให้มันดีดี คิดให้มันดีดีสิวะ
.
มันไม่รู้ต้องทำอย่างไรเหมือนกัน
ชีวิตมันปกติขนาดนี้
หนังสือสวดมนต์วางอยู่ที่เดิมเหมือนเหล้าขวดนั้น
มันก็อยู่ที่นี่ ที่เดิม
มองพระจันทร์คืนนี้แบบไม่เข้าใจ
และคงไม่ตื่นเต้นอะไรกับดวงอาทิตย์ของวันพรุ่งนี้
.
เสียงเพลงเปิดกระหน่ำเปลี่ยนไปอีกเพลงแล้ว
แต่อีกไม่ถึงวันก็คงเงียบลง
เหมือนเปลวดอกไม้ไฟหรือพลุแสนสวย
ที่สว่างวาบแล้วจางหาย
วินาทีที่ดับลงนั่นแหละ กลับช่างน่าสนใจ
ว่ามันมองเห็นอะไรในความมืดดำ

 

Photo by Stephanie McCabe on Unsplash


 

เอกสิทธิ์ เทียมธรรม

เอกสิทธิ์ เทียมธรรม

ทำงานบรรณาธิการเป็นหลัก มีผลงานเขียนเล็กน้อย ใช้เวลาส่วนใหญ่คิดแคปชั่นคมๆ ให้ สนพ. สมมติ

กาแล็กซี่ที่บึงหลังบ้าน

 

 

หลายคนเมินหน้าหนีโลก

เพียรเพ่งมองออกไป

เป็นสุขกับสิ่งสร้างไกลแสน

แหงนคอดูพระจันทร์

รอคอยอธิษฐาน

ขอพรจากการหล่นร่วงของดวงดาว

หรือมนุษย์นิยมโชคลาภจากหายนะผู้อื่น?

 

ฉันจ้องบึงน้ำหลังบ้าน

เห็นเขียวขุ่นดำเข้ม

แม่บอกในนั้นเต็มไปด้วยไดอะตอม

สาหร่ายเซลล์เดียวนานาชนิด

 

ตาฉันมองไม่เห็น ไม่เคยรู้

แค่เชื่อคำแม่ – ว่ามันมีอยู่

 

วันหนึ่ง ฉันแอบเข้าไปในห้องแล็บแม่

กล้องจุลทรรศน์ขยายขนาดพวกมัน

ที่เล็กยิ่งกว่าเล็ก

จึงใหญ่ยิ่งกว่าก่อน

มันขยับไหว ใช้ชีวิต

รูปทรงสมมาตรสวยงาม

เส้นโค้งเคลื่อนคลายขยับ

มีรูยิบย่อยนับไม่ถ้วน

พร่างสีรุ้งและรูปทรงคล้ายกาแล็กซี่

 

นับแต่นั้น

ก็ไม่เคยขอพรจากดาวตก

ฉันตกอยู่ในกาแล็กซี่นับล้าน

อธิษฐานในบึงหลังบ้าน

 

ขอพรจากชีวิตที่ขยับไหว

ชีวิตที่ยังดำเนินไป

ไม่ใช่การดิ่งร่วงของดวงดาว

 


 

อิสราวสี

อิสราวสี

เก็บเล็กผสมน้อย จนกลายเป็นบทกวีกระจ้อยร่อยแต่ละบท

นาฬิกาสามเรือนในบ้าน

 

 

เรือนหนึ่งตรงเวลา

เรือนสองช้ากว่า

อีกเรือนคล้ายหยุดนิ่ง

ยังกระดิกเป็นจังหวะ

แม้แทบมองไม่เห็น

ระยะทางเคลื่อนเข็ม

แต่ละเรือนทำหน้าที่

ติ้กต่อกบอกจังหวะ

สม่ำเสมอ-แตกต่าง-สอดประสาน

เวลาคืออะไร?

สายลมพัดผ่าน

เข็มสั้นยาวเคลื่อนวน

ความทรงจำอัดแน่น

ลมหายใจติดขัด

การพบและจากลา

เวลาลักษณะอย่างไร?

เร็วช้า สั้นยาว หนักเบา

เวลาไม่หวนกลับจริงหรือ?

หรือได้ แต่เกินรับรู้

ทำไมหน้าปัดต้องเป็นวงกลม

ทำไมเข็มจึงต้องวิ่งวนเป็นวงกลม

หรือเวลาหวนกลับเสมอ

ในแบบของมัน

ทำไมบ้านหลังหนึ่งต้องมีนาฬิกาตั้งมากมาย?

แล้วพ่อก็ซื้อเรือนที่สี่เข้าบ้าน

คงเพราะกลัวเราไม่รู้เวลา

ยิ่งมีมากมาย 

ยิ่งสงสัยและอยากรู้เรื่องเวลา

เราแค่รู้เวลา

แต่เราไม่รู้จักเวลา

ยิ่งมีมากมาย 

ยิ่งไม่เชื่อว่าเรือนแรกตรงเวลา

 


อิสราวสี

อิสราวสี

เก็บเล็กผสมน้อย จนกลายเป็นบทกวีกระจ้อยร่อยแต่ละบท

 

ความจริงที่คุณไม่ได้พูดออกมา

 

ฉันอยากฟังเสียงฝีเท้าปราดเปรียวของกวางป่า
น้ำตกกระหน่ำหยดน้ำลงพื้น
การตอกรูสร้างรังของนกหัวขวาน
เเสงอาทิตย์เคล้าเสียงคลื่นทะเลยามเย็น
ค่ำคืนที่หริ่งไพรนับพันร้องระงมเป็นเสียงเดียว
หยาดฝนหลงฤดูพร่างพรมกระทบเเผ่นสังกะสี
รวงข้าวเขียวสดปลิวไสวผ่านสายลม
ส้นสูงของเเอร์โฮสเตสซึ่งย่ำลงอย่างระเเวดระวัง
เสียงหอบของนักปีนเขาในเอเวอเรสต์
เกือกม้าควบวนในสนามเเข่งไร้ผู้ชม
รถไฟที่เเล่นไปยังชายเเดนใต้
ธารน้ำเเข็งที่ทลายลงใต้มหาสมุทรในขั้วโลกเหนือ
สายฟ้าคำรามผ่านเเสงออโรราหลากสี
คำพูดเบื้องหลังการป่าวประกาศหาเสียง
อาการหลงรักที่ไม่เคยได้สารภาพ
ความเงียบสงัดในเชอร์โนบิล
เสียงสวดมนต์ก้องสะท้อนบนยอดเขาในทิเบต
เปลวไฟสงครามที่กำลังมอดดับในฮิโรชิมา
ฤดูกาลในนรกเเละความเจ็บปวดบั้นปลายของเเรงโบด์
เสียงหัวเราะสุดท้ายของเเม็คเเคนด์เลสส์ในอลาสกา
คำบรรยายของเเวนโก๊ะถึงธีโอในจดหมายฉบับเเรก
รอยยิ้มมุมปากของโมนาลิซา
บทเพลง 4.33 ที่เคจร่วมบรรเลงในห้องพิพากษา
นิทานที่ผู้เล่าเริ่มเรื่องด้วยกาลครั้งหนึ่งนานมาเเล้ว…
เเละความจริงที่คุณไม่ได้พูดออกมา

 


 

ปภาตพงศ์ วันภักดี

ปภาตพงศ์ วันภักดี

จบการศึกษาระดับบัณฑิต และระดับมหาบัณฑิต จากคณะดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เครื่องเอกกีตาร์คลาสสิก ปัจจุบันเป็นอาจารย์ประจำโปรแกรมวิชาดนตรีศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร นอกจากจะชื่นชอบในการเล่นดนตรีแล้ว ยังหลงใหลการเขียนบทกวีและงานสร้างสรรค์ทุกรูปแบบ โดยมักได้แรงบันดาลใจจากความรู้สึกภายใน ความทรงจำในวัยเด็ก และธรรมชาติรอบตัวที่กระทบกับความรู้สึกในขณะนั้น

ความตายที่ไร้คำพูด

 

พวกเขาทุบหัวมัน
ขณะที่มันยังมีลมหายใจ

 

พวกเขาบั่นคอมันออกเป็นชิ้นๆ
ขณะที่มันยังดิ้นด้วยความทรมาน

 

พวกเขาแล่เนื้อของมันออกเป็นท่อนๆ
ขณะที่กลิ่นคาวเลือดยังสดใหม่

 

และพวกเขาต่างก็ยิ้มด้วยความสุข
ในขณะที่เห็นความตายของอีกฝ่ายเป็นเพียงเรื่องตลก

 

ไร้บทพูดแก้ตัว

ไร้ความผิดขณะร้องขอชีวิต

ไร้หยดน้ำตาขณะใกล้จะตาย

และไร้ความหนาวเหน็บขณะที่นอนเปลือยเปล่าอยู่บนแท่นประหาร

 


 

แน้ป ภคณัฐ

แน้ป ภคณัฐ

นักเขียนและนักดนตรีอิสระภายใต้ซากปรักหักพังของกระแสนิยม (มนุษย์อิสระ)

เมื่อความมืดเต้นรำ

เมื่อความมืดเต้นรำ

ปานอิสตรีผู้หยาดงามเปล่าเปลือยต่อฝูงชน

คืนมืดคมกว่าคมมีด

ห้ำหั่นข้าแหลกสลายเป็นผงธุลี

 

กลางคืนเริงร่าย

ข้ารับรู้เพียงความว่างโหวง

ขับกล่อมโลกข้าด้วยหวาดกลัว

 

กลางคืนยิ่งใหญ่กว่าสุริยเทพ

ไม่แยแสบาดแผลในอดีต

ดาวตกจากฟากฟ้าคือน้ำตาดวงอาทิตย์

 

เมื่อความมืดมาเยือน

ความเงียบผูกสัมพันธ์เป็นสหาย

ส่ำเสียงหนีหาย

ตลกไม่ขบขำอีกต่อไป

 

ความจริงสูญสลาย

เมื่อความมืดเต้นรำ

ข้าแหลกสลายกลายเป็นเถ้าธุลี

 

หรือข้าเป็นเถ้าธุลีอยู่แล้ว

 


 

วัฒนพงษ์ แก้วนาพันธ์

วัฒนพงษ์ แก้วนาพันธ์

บุรีรัมย์บ้านเกิดเมืองนอน รักการเขียนจากการอ่าน รักการอ่านจากการเรียนรู้ รักการเรียนรู้จากผู้อื่น รักผู้อื่นจากการรักตัวเอง รักตัวเองจากการเขียน รักการเขียนจากการ...

เลือกตั้ง 2562

 

ทุกอุดมการณ์​แห่งการปราศรัย

ต่างมีคำว่า​ “เท่านั้น”

และโยนใส่ในมือประชาชน

ผู้กำลังประคองปากกา

อย่างหัวสั่นหัวคลอน

 

Read More

ทรายสีดำ

 

 

หลับตา ทุกครั้ง

ฉันเห็นหาดทรายดำทอดไกล เลียบทะเลสีหมอง

ไม่แน่ใจว่า ฟ้าขาวขุ่นหรือสีอะไร

แต่หาดนั้นมาหาทุกเวลา

เมื่อจมความมืดข้างในตัวเอง ไม่ว่าหลับใหลหรือรู้ตัว

เหมือนเพื่อนมาเยี่ยมเยือนยามว่าง มันเป็นอิสระจากฉัน

 

วันหนึ่งอันว่างเปล่า เมื่อฉันหลับตาหนีตัวหนังสือบนตัก

หาดทรายมาหาฉัน

ก้มกอบทรายสีดำนั้น

แล้วพบว่าเม็ดทรายทั้งหมด คือฉันเอง

ฉัน…เมื่อวานนี้ เมื่อเดือนก่อน เมื่อปีก่อน

ฉัน…เมื่อนาทีก่อน

ฉันเมื่อวินาทีก่อนที่ฉันรู้จักดี

ฉันที่เป็นคนอื่นที่ฉันไม่รู้จัก

ฉันที่เคยตายไปแล้วเมื่อชาติภพที่เท่าไหร่ก็ไม่อาจรู้ได้

ฉันในนาทีที่หนึ่งล้านของชาติภพที่เท่าไหร่ก็ไม่อาจรู้ได้

 

ทรายนั้นเป็นเถ้าของฉัน

เม็ดหนึ่งนั้น คือ ความรู้สึก ความคิด ความทรงจำ ร่างกาย ทรงผม ดวงตา ริมฝีปาก

จะเป็นฉันอีกไม่รู้จบ

 

ฉันพบฉันเมื่อปีก่อนโดยบังเอิญ

พิศวงหัวใจว่าตัวฉันช่างมากมายและยาวไกลเหลือเกิน

บางวันฉันอยากรู้จักเม็ดทรายทุกเม็ด แต่อีกวันฉันก็ไม่กล้าจะปิดเปลือกตาลง

ทุกความผิด ความทุกข์ ความยินดี อยู่ในหาดทรายนี้

มากต่อมากเป็นสิ่งที่ไม่รู้ว่าเคยมี เพราะฉันได้ตายซ้ำๆ เลือนหายไปซ้ำๆ

 

ฉันไม่แน่ใจอีกต่อไปว่าฉันมีความหมายอย่างไรกัน

หาก ‘ฉัน’ มีแค่ ‘ฉัน’ เดียว ฉันอาจเข้าใจได้ชัดเจนกว่านี้

แต่เพียงในชีวิตหนึ่งก็มีฉันมากมายเหลือเกิน

วันนี้ฉันตาย ฉันก็จะเป็นเม็ดทรายสีดำอีกเม็ดที่รอฉันกลับมาพบอีกครั้ง

สักวันหนึ่ง

 


 

ชินรัตน์ สายอุ่นใจ

ชินรัตน์ สายอุ่นใจ

Kappasaisai@gmail.com

นักเขียนผู้หลงใหลการลับมีด เจ้าของเรื่องสั้น "ชายชราเบาหวาน" ที่ได้รับรางวัลนายอินทร์อะวอร์ดประเภทเรื่องสั้น ปี 2555 ปัจจุบันใกล้จะมีนวนิยายของตัวเอง 1 เล่ม กับสำนักพิมพ์ Boligraf Book ยังคงเขียนงานอยู่อย่างต่อเนื่องที่บ้านของตน

error: