นักพยากรณ์กับคำทำนาย ใต้ความไร้สาระของโชคชะตา

 

 

 

ผู้พยากรณ์ (The Fortune Teller) เป็นเรื่องสั้นของนักเขียนบราซิลชั้นครู มาชาโด เดอ อัสซิส (Machado De Assis) ผู้ได้รับการยกย่องเสมอมาในฐานะนักเขียนผู้เป็นแรงผลักดันคนสำคัญ แม้ว่าเรื่องสั้นเรื่องนี้หรือเรื่องอื่นๆ จะเขียนขึ้นมาเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้วก็ตาม เรื่องสั้นเรื่องนี้รวมเล่มในชื่อ ก่อนเที่ยงคืน (Midnight Mass)โดยสำนักพิมพ์หนึ่ง และมีคุณนริศรา พาเพลินเป็นผู้แปล พิมพ์ครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2553

 

 

เรื่องสั้นนี้เปิดขึ้นมาด้วยการยกสิ่งที่แฮมเล็ตกล่าวแก่โฮราชิโอ

 

มีหลายสิ่งในสรวงสวรรค์และโลกที่เกินกว่าจะฝันถึงด้วยปรัชญาของเรา

 

หากปรัชญาของเราที่สั่งสมมาคือการรู้จักใช้เหตุผลและสร้างคำอธิบายต่อสิ่งต่างๆ แล้วอะไรคือสิ่งที่อยู่เหนือคำอธิบายและเกินกว่าการจะเข้าใจได้ด้วยเหตุผล แฮมเล็ตอาจหมายถึงความลี้ลับเกี่ยวกับชีวิต เป็นต้นว่า โชคชะตาของมนุษย์แต่ละคน ภายในการกระทำหรือไม่กระทำหนึ่งๆ ผลของมันสะท้อนต่อไปอย่างไร ทำไมสิ่งหนึ่งจึงเกิดขึ้นแทนที่จะเป็นอีกสิ่งหนึ่ง หรือแท้จริงแล้วทุกผลของการกระทำหรือไม่กระทำดำเนินตัวมันเองไปมาอย่างไร

 

ตัวละครชื่อ ริต้า เป็นหญิงสาวที่มีสามีอยู่แล้ว แต่เธอไม่อาจปิดบังความปรารถนาที่ตัวเองมีต่อชู้รัก เธอเชื่อแน่วแน่ในสิ่งที่แฮมเล็ตกล่าว มีสิ่งที่ถูกวางลำดับเอาไว้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเธอยังเชื่อด้วยว่า ทุกคนสามารถเห็นมันได้ผ่านทางคำพยากรณ์ แน่นอนว่าคามิลโล ชู้รักของเธอหัวเราะขบขัน และมองว่าสิ่งเหล่านั้นคือเรื่องแต่ง

 

“หัวเราะ หัวเราะ พวกผู้ชายก็เป็นอย่างนี้ ไม่ยอมเชื่ออะไรทั้งสิ้น จะบอกให้นะ พอไปถึงเธอก็ทายได้ว่าทำไมฉันไปที่นั่นก่อนที่ฉันจะพูดอะไรสักคำ…    

 

คามิลโลเป็นคนหนุ่มที่หันหลังให้กับความเชื่อในเรื่องโชคลางหรือศาสนา เขาสบายใจที่จะปฏิเสธสิ่งเหล่านั้น การเป็นชู้รักสำหรับเขาจึงไม่ใช่เรื่องกัดกินจิตใจอะไรนัก เพราะเขาตระหนักดีว่าเขาก็รักริต้าพอๆกับสามีของเธอ ทว่าชายคนนั้นคือเพื่อนรักคนหนึ่งที่น่านับถือ และเป็นทั้งเพื่อน พี่ชาย เป็นคนสำคัญของกันและกัน เป็นคนที่อีกคนจะคอยพูดถึงด้วยรักใคร่และเคารพ

 

ในเมื่อสามีของเธอคือเพื่อนที่แสนดีของเขา เหตุใดคามิลโลจึงยังประพฤติตัวชวนให้น่ารังเกียจ เป็นแค่ห้วงความรักหรือมีอะไรที่อธิบายได้ลึกซึ้งกว่านั้น

 

ย้อนกลับไป วิลเลล่าเป็นฝ่ายเขียนจดหมายเล่าให้คามิลโลฟังถึงความงามของริต้า ภรรยาที่เขาอยากให้เพื่อนอย่างคามิลโลได้ทำความรู้จัก ดูเหมือนพิษร้ายของความสัมพันธ์เกิดขึ้นเพราะความงามของริต้านี่เอง ความงามที่ลี้ลับ และยืนอยู่เหนือศีลธรรมใดๆ จะดึงรั้ง แต่ทำไมความงามของสตรีจึงกลายเป็นข้อโจมตีในต้นเหตุของความขัดแย้งภายในเรื่องราวหนึ่งๆ อยู่เสมอ ทั้งที่มองอีกด้าน แท้จริงแล้วไม่ใช่แค่ความงามของริต้าหรอก เพราะระหว่างคนสองคนย่อมต้องมีอะไรสอดประสานกันมากกว่านั้น การมองโลกแบบคนหนุ่มที่ไม่เคร่งครัดก็สร้างเสน่ห์บางอย่างทางใจแก่ริต้าเหมือนกัน เป็นความสบายใจที่สัมผัสได้เมื่ออยู่ใกล้ชิดซึ่งต่างฝ่ายต่างมองหาอยู่ คามิลโลจึงตกหลุมรักริต้า(ที่ร่วม)ขุดขึ้นมาด้วย ทั้งคู่ต่างก็รักกัน และมากพอๆ กัน เพียงแค่ลอบพบกันโดยที่วิลเลล่าไม่รู้เท่านั้น

 

กระทั่งวันหนึ่ง มีจดหมายนิรนามที่ไม่รู้ชื่อคนส่งปรากฏขึ้น จดหมายนั้นเขียนมาหาคามิลโล เพื่อตักเตือนถึงความเลว การทรยศหักหลังเพื่อน และรอวันถูกเปิดโปง ตอนนั้นเองที่ทำให้คามิลโลอกสั่นขวัญตกขึ้นมา เขาไม่รู้ว่าใครเขียนจดหมายนั่น แต่สิ่งที่ถูกต้องคือเขาควรอยู่ให้ห่างจากริต้า แล้วที่ผ่านมาทุกอย่างไม่ถูกต้องอย่างนั้นหรือ? คามิลโลได้ใช้ช่วงเวลานี้เองทบทวนถึงการเคารพตัวเองในสิ่งที่ได้เคยกระทำลงไป จนดูเผินๆ เหมือนคามิลโลสำนึกได้ว่าอะไรถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง แต่ยังไม่ใช่ คามิลโลเพียงแค่อึดอัดที่ตัวเขาเองไม่รู้มากกว่า ใครกันที่เป็นคนเขียนจดหมาย ถ้าเขารู้เรื่องนี้เท่านั้น เขาก็จะเข้าใจมันทั้งหมด แต่เพราะความไม่รู้ตรงนี้เอง  การตีตัวออกหากจึงได้สร้างความคลุมเครือใจต่อริต้าและแน่นอนคือตัวเขาเองด้วย ริต้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา ในเมื่อเธอรักเขาไปแล้ว และนั่นทำให้เธอดั้นด้นไปพบเจอกับหมอดูไพ่ ผู้มีคำพยากรณ์ดั่งตาเห็นในตอนต้นเรื่อง

 

ส่วนคามิลโล เขายังคงรักเธอเหมือนเดิม แม้ว่าเขาจะเป็นแค่ชู้รัก เมื่อริต้าแอบมาพบในวันหนึ่ง พร้อมกับคำพยากรณ์จากปากหมอดูที่ว่าชายหนุ่มคนนั้น (คามิลโล) ยังคงรักเธออยู่  ทั้งสองต่างก็รู้สึกใจชื้นเหมือนกัน คามิลโลมองเห็นคุณค่าของตัวเองจากการที่เธอยอมเสี่ยงทำอะไรแบบนั้น และเขาไม่ได้ตั้งใจทำตัวเหินห่างเพราะหมดรักแต่อย่างใด แต่มันเป็นเพราะจดหมายฉบับนั้นต่างหาก เขาเล่าให้เธอฟัง และวิเคราะห์มันว่ามาจากไหนได้บ้าง ทั้งสองมืดแปดด้าน แต่ก็หาวิธีรับมือหากจดหมายเหล่านั้นถูกส่งไปหาใครคนใดคนหนึ่ง

 

แต่จดหมายก็ยังถูกส่งมาหาคามิลโลอีก จดหมายที่เต็มไปด้วยอารมณ์เจ็บแค้น ริต้าเทียบลายมือนั้นและตั้งใจจะทำลายซองจดหมายทุกฉบับที่เขียนขึ้นด้วยลายมือแบบนั้น คนทั้งคู่อยากรู้เหลือเกินว่าใครเขียนมันขึ้นมา ใครกันที่ล่วงรู้ความลับของพวกเขา รู้อยู่ทุกขณะ และไม่อาจปิดบังได้เลยแม้แต่น้อย ริต้าคงจะนึกถึงถ้อยคำของแฮมเล็ตในคราวก่อนที่ยกมาพูดให้คามิลโลฟัง ตอนนี้หากเธอพูดมันอีกครั้ง ชู้รักของเธอคงนึกขวัญผวามากกว่าจะหัวเราะอย่างขำๆ เพราะตราบใดที่สิ่งนี้ยังอธิบายไม่ได้ ชีวิตของพวกเขาก็เช่นกัน

 

ทั้งๆที่ ยังไม่รู้ว่าจดหมายเหล่านั้นใครเป็นคนเขียน (หรือจริงๆ แล้วไม่มีทางที่ใครจะรู้ได้!) วันต่อมา วิลเลล่าก็เขียนจดหมายมาถึงคามิลโล และเขาเขียนมาเพียงสั้นๆว่า

 

มาที่บ้านของเราทันที ฉันต้องการคุยกับนายเดี๋ยวนี้

 

ตอนนั้นเองที่ความกลัดกลุ้มรุมล้อมเข้าหาคามิลโลอีกครั้ง ทำไมต้องที่บ้านและทันที ดูมันผิดวิสัยมากๆ สำหรับคนอย่างวิลเลล่า ห้วงคิดแรกที่เขาสัมผัสได้คือ ริต้าถูกจับได้แล้วว่าลอบเป็นชู้ อาจเพราะมีจดหมายฉบับอื่นส่งไปอีก หรือเพราะสุดท้ายเขาก็รู้ได้เอง คามิลโลไม่อาจละความคิดเหล่านี้ออกไปจากหัว แม้ว่าทั้งหมดอาจจะเป็นแค่เรื่องธรรมดาเรื่องอื่นๆ กิจธุระที่เขาไม่มีความจำเป็นต้องวิตกมากมายขนาดนี้ เขาควรจะใจเย็น ควรจะวางตัวดีๆ แต่ในห้วงเวลานั้นเขาก็ทำได้แค่ยิ้มอย่างสิ้นแรง

 

มันคือความรู้สึกผิดนั่นเอง ไม่ว่าอย่างไร จะมีใครรู้หรือไม่รู้เรื่องของเขาก็ตาม การกระทำระหว่างเขากับริต้าก็เป็นเรื่องผิด ระหว่างทางไปบ้านของวิลเลล่า คามิลโลกลับไปที่ห้องของตัวเองเผื่อจะพบเบาะแสบางอย่าง หรือสารสำคัญที่ริต้าอาจจะบอกใบ้ถึงจดหมายของวิลเลล่า แต่ก็ไม่พบอะไรเลย คามิลโลรู้สึกเหมือนตัวเองใกล้จะประสาท ถ้อยคำที่วิลเลล่าเขียนมาติดอยู่ที่ตา-และที่แย่ที่สุด-มันมีเสียงพึมพำใส่หูของเขาด้วยน้ำเสียงของวิลเลล่า

 

ถึงก่อนย่อมดีกว่า” “ฉันทนความคลุมเครืออย่างนี้ไม่ไหวแล้ว

 

แต่บนถนนนั้นเอง บ้านหมอดูที่ริต้าเคยเล่าให้เขาฟังก็ปรากฏวาบเข้ามาเหมือนแสงสว่างแห่งความหวัง คามิลโลไม่รู้หรอกว่าควรอธิบายกับตัวเองอย่างไร แต่เขาปรารถนาที่จะขอฟังคำพยากรณ์เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ หรือไม่ก็สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ นั่นเพราะเขารู้ดีว่าไม่มีวิธีไหนอีกแล้ว แม้ว่าบ้านของหมอดูหลังนั้นจะยืนมองโลกประหนึ่งเคหะสถานของเทพีแห่งโชคชะตาผู้เมินเฉยก็ตาม

 

ไพ่พยากรณ์ของหมอดูบอกความสบายใจแก่คามิลโล ไม่มีอะไรต้องวิตก เหมือนเมื่อครั้งที่เคยบอกแก่ริต้า คนทั้งคู่ได้ปลิดทิ้งความทุกข์ที่กลัดกลุ้มในใจ ราวกับยาวิเศษ พวกเขาตัวเบาและเดินเหินราวกับเหาะลงมา พวกเขากำลังคิดถึงคนที่พวกเขารักและอยากให้ได้อยู่ร่วมรับรู้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับคำพยากรณ์ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน (แน่นอน อย่าได้เผลอคิดว่ามันเป็นเรื่องเดียวกัน!) เส้นทางที่สิ่งต่างๆ เกิดขึ้นวัดค่าไม่ได้แน่นอนด้วยสิ่งใด เพราะความไร้เหตุผลของมันนั่นแหละคือค่าเดียวที่ใช้วัดเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับมนุษย์ ซึ่งทั้งคามิลโล วิลเลล่า และริต้าอาจจะรู้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว

 

เพียงแต่มองเห็นมันแบบไหนก็เท่านั้น

 


 

มิติ ธรนนท์

มิติ ธรนนท์

ชอบอ่านเรื่องสั้น เรื่องไหนที่ชอบมากๆจะเขียนบันทึกเก็บเอาไว้

 

Comments

comments

You may also like

Leave a comment

error: