เมื่อคุณริจะเขียนบทกวีเศร้ากับเขาบ้าง

 

นรินทร์ครวญฝากฟุ้งจักรวาล

อังคารก็วักทะเลไปกินเสียเรียบ

แล้วจะเหลืออุปมาใดให้คุณใช้ฟูมฟาย

 

ความเศร้าของคุณเท่ากับความเศร้าของกวี

แต่บทกวีของคุณไม่เหลือชิ้นดี

ดวงใจระส่ำระสาย

จันทร์กลายเป็นเพียงสัญลักษณ์ฟุ้งฝันที่คนใช้กันเกลื่อนกล่น

ฟ้าดำสนิทราวกับแมวตัวโปรด

โลกในดวงตาของคุณก็มืดดำดุจกัน

ซ้ำเดิม ทั้งห้วงอารมณ์และถ้อยคำ

คุณคร่ำครวญหวนไห้ไม่ต่างจากบรรพบุรุษ

 

ทว่าน้ำตาของคุณไม่ใช่หยาดเพชร

ไร้คำเยินยอจากนักวิชาการ

คุณกดนิ้วกับคีย์บอร์ดซ้ำๆ

ถี่กระชั้น รัวเร็ว

ทั้งสิบนิ้วและลมหายใจ

เพียงเพื่อให้หมดเรี่ยวแรง

แล้วพรุ่งนี้คุณก็จะหายดี

 


 

อิสราวสี

อิสราวสี

เก็บเล็กผสมน้อย จนกลายเป็นบทกวีกระจ้อยร่อยแต่ละบท

Thursday Poem: สาวไอริช

 

1

ค่ำคืนในซอยรามบุตรี

บาร์แสงจันทร์แจกข้าวต้มฟรีตีหนึ่งครึ่ง

โมจิโต้ใส่สะระแหน่แกล้มมะนาว

หลากเรื่องราวพรั่งพรูในคืนฝุ่นควัน

 

Read More

คุณได้ยินเสียงกรีดร้องบ้างไหม?

เมือง…
เต็มด้วยสรรพสำเนียง

.

เสียงกรีดร้องของเด็กทารก
ละมุนละไม ชุบชูใจ
เมื่อผู้ฟังคือมารดาผู้ให้กำเนิด

.

เสียงกรีดร้องของเด็กขวบเดียว
อาจเท่ากับ-หิว!
เมื่อผู้ฟังคือแม่นม
(หรืออาจเป็นซีอุย!)

.

เสียงกรีดร้องของหญิงสาว
อาจสุขสมเงียบเชียบ
เมื่อชายหนุ่มแนบข้าง

.

เสียงกรีดร้องของผู้ใหญ่วัยกลางคน
อาจคือสิ้นเดือนและมาม่า!
ต่อหน้าต่อตาตู้เอทีเอ็มล้าสมัย

.

เสียงกรีดร้องของผู้ยึดอาชีพอิสระ
อาจคือบรี๊ฟสั้นกว่าหนอนแมลง
และระยะเวลาวางบิลที่ยาวกว่ากำแพงเมืองจีน
เบื้องหน้าเดดไลน์ ที่สะกดคำว่า “ช่วยกันเนอะ” อย่างเร่งร้อน

.

เสียงกรีดร้องของคุณธรรม
อาจคือถ้วยโลหะปลอมๆ
บนหลังตู้เขลอะฝุ่น

.

แต่เสียงกรีดร้องของประชาชน
ย่อมคือหมึกปากกา
ตรงช่องลงคะแนน

.

ความเงียบหลายเดซิเบล
เสียงกรีดร้องเหล่านั้น
รอคอยผู้ฟังอย่างตั้งใจ
แม้ผู้ฟังยังมาไม่ถึง

.


Read More

คนรักของหนูอายุมากแล้ว

 

คนรักของหนูอายุมากแล้ว

หนูจึงอนุญาตให้เหามาอยู่บนหัว

ไม่ใช่หนูเอาเหามาใส่หัวนะ

นั่นเป็นคำของแม่กับพ่อใหม่

 

คนรักของหนูอายุมากแล้ว

ทำมาหากินไม่ค่อยคล่อง

แต่ท่านทั้งสองยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง

และเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นค่าขนมหนู

 

คนรักของหนูอายุมากแล้ว

หนูจึงต้องช่วยตัวเองบางเวลาตามเดียงสา

อย่าถือสาหนูนะ

ถ้าอุปกรณ์ที่หนูใช้ไม่เหมือนคนทั่วไป

เพื่อตัวเองและพวกท่าน

หนูยอมได้

 

คนรักของหนูอายุมากแล้ว

สายตาฝ้าฟาง

มองเห็นไม่เท่าคนอื่น

ฟันไม่ดี ไม่ใช่ปากไม่ดี

อย่าถือสาท่านเลย

เพราะท่านรักหนู

 

คนรักของหนูอายุมากแล้ว

ไม่รู้ว่าท่านจะอยู่กับหนูได้อีกนานเท่าไร

 

 


 

วัฒนพงษ์ แก้วนาพันธ์

วัฒนพงษ์ แก้วนาพันธ์

บุรีรัมย์บ้านเกิดเมืองนอน รักการเขียนจากการอ่าน รักการอ่านจากการเรียนรู้ รักการเรียนรู้จากผู้อื่น รักผู้อื่นจากการรักตัวเอง รักตัวเองจากการเขียน รักการเขียนจากการ...

 

NAN POESIE – น่านโปเอซี เทศกาลอ่านบทกวีกับชุมชนคนน่าน ครั้งที่ 1

 

 

 

ศุกร์เสาร์อาทิตย์ 16-17-18 ของเดือนพฤศจิกายน น่านยังไม่มีลมหนาวและแดดฤดูนี้ก็ทะลุทะลวงหนังกำพร้าเข้าไปทักทายชั้นหนังแท้เป็นว่าเล่น ต้องเช้าอย่างยิ่งหรือดึกสงัด น่านจึงจะเย็นสบาย จะหนาวหรือไม่หนาว ผู้คนก็ทยอยมาถึงและรวมพลกันที่บ้านๆ น่านๆ ห้องสมุดแอนด์เกสต์โฮมตั้งแต่วันที่ 16 ส่วนทีมงานจัดสถานที่และตระเตรียมความเรียบร้อยต่างๆ น่าจะอยู่โยงกันมาตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนหรือก่อนหน้านั้น

 

ราวเดือนกันยายน ฉันได้รับข้อความ “อาจารย์ชโลมใจบอกจะมีงานอ่านบทกวีที่น่าน” ตอนนั้นยังไม่เผยชื่องาน เพียงได้รู้ว่าจะมีงานอ่านบทกวีก็แอบดีใจไว้ก่อนแล้ว เดือนตุลาคม “NAN POESIE” เริ่มกระจายข่าวบอกกล่าวผู้สนใจ ฉันเองก็กระตือรือร้นจองตั๋วโดยสาร ต้นพฤศจิกายน เราได้เห็นคลิปเชิญชวน พร้อมทั้งรายชื่อกวี ศิลปิน ทีมงานผู้แข็งขัน และผู้สนับสนุนกิจกรรมอย่างเป็นทางการ ในตอนนั้นเองที่ฉันตระหนักว่า งานนี้ใหญ่กว่าที่คิดไว้

 

งานนี้ใหญ่กว่าที่คิด ไม่ได้หมายถึงจำนวนคนเข้าร่วมหรือปริมาณบทกวีที่ท่องอ่าน แต่คือกิจกรรมที่แวะเวียนและคำนึงถึงชุมชน ครอบคลุมไปถึงนักเรียนในพื้นที่จังหวัดน่านทั้งในอำเภอเมืองและต่างอำเภอ ก็นักเรียนเหล่านี้ไม่ใช่หรือที่มีโอกาสจะได้รู้สึกถึงพลังของบทกวีต่อไปในอนาคต

 

ใครจะคิดว่าน่านที่เล็กและเงียบนั้น วันหนึ่งจะลุกขึ้นมาเอ่ยบทกวีด้วยเสียงดังจับใจ

 

 

ถ้าพูดถึงสังคมอุดมศิลปินในทางภาคเหนือ ภาพลักษณ์ด้านบทกวีเพียวๆ ดูเหมือนว่ายังไม่มีจังหวัดไหนจับจองพื้นที่

 

ในปีนี้ “น่านโปเอซี” ที่เริ่มต้นขึ้นอาจเป็นดั่งหมุดหมายสำคัญที่สะท้อนให้เห็นมิติความเป็นกวีของเมืองน่านและคนน่าน

 

น่านโปเอซีครั้งแรกนี้มีกิจกรรมน่าสนใจอะไรบ้างนะ?

  • ศิลปินเสวนา – งานเสวนาที่นำให้ศิลปินทั้งกวีและจิตรกรได้มาพบและพูดคุยกับนักเรียนที่น่าน
  • งานอ่านบทกวี – การอ่านบทกวีต่อเนื่องยาวนานร่วมสองชั่วโมง ทั้งตอนกลางวันและยามค่ำคืน โดยกวีไทยและเทศ ทั้งกวีรับเชิญและกวีอาสา
  • นิทรรศการภาพเขียน – “เพราะเธอคือบทกวีของชีวิต” ของ สุมาลี เอกชนนิยม จัดแสดงภายในบริเวณห้องสมุดบ้านๆ น่านๆ

 

 

ศิลปินเสวนา พบหน้านักเรียนน่าน

วันที่ 16 พฤศจิกายน เป็นวันแรกของเทศกาลน่านโปเอซี เริ่มเปิดงานอย่างเป็นทางการที่หออัตลักษณ์นครน่าน จากนั้นจึงเป็นการที่ศิลปินได้พบปะพูดคุยกับบรรดานักเรียนในจังหวัดน่าน เริ่มต้นที่หออัตลักษณ์นครน่านแล้วไปต่อที่โรงเรียนมัธยมป่ากลางที่อำเภอปัว

 

 

ที่หออัตลักษณ์นครน่าน น้องๆ นักเรียนนั่งฟังสุมาลี เอกชนนิยม และซะการีย์ยา อมตยา สองศิลปินผู้มีผลงานในระดับนานาชาติด้วยความตั้งใจ พุทธิดา นิพพานนท์ ผู้ดำเนินรายการในครั้งนี้ได้ชวนคุยถึงประเด็นน่าสนใจต่างๆ ทั้งเรื่องราววัยเยาว์ เหตุการณ์ที่นำให้ทั้งสองก้าวเข้าสู่แวดวงการวาดและการเขียน รวมถึงทัศนะของทั้งคู่ที่มีต่อการสร้างสรรค์งาน เรื่องเล่าต่างๆ ได้สะท้อนให้เห็นถึงเส้นทางของศิลปินที่คนหนึ่งสื่อสารด้วยเส้นสี ส่วนอีกคนสื่อสารด้วยอักษร

 

 

จากกิจกรรมนี้เชื่อได้ว่าน้องนักเรียนบางคนกำลังประมวลผล มีคำถามที่จะยังวนเวียนครุ่นคิดอยู่กับตนเองต่อไป และเมื่อเติบโตขึ้น บางคนอาจหวนกลับมานึกถึงบางประโยคของวันนี้

 

 

นอกจากเสวนาช่วงเช้าแล้วยังมีกิจกรรมระหว่างศิลปินกับน้องนักเรียนโรงเรียนมัธยมป่ากลางที่อำเภอปัวด้วย กิจกรรมส่วนนี้ฉันไม่ได้ติดตามไปเพราะเลือกที่จะจัดห้องสมุดอยู่ที่บ้าน ๆ น่าน ๆ แต่ก็พอจะเดาจากภาพบรรยากาศที่เห็นจากเพจเฟซบุ๊กของบ้านๆ น่านๆ ได้ว่าคึกคักและน่าจะเป็นกิจกรรมที่ทำให้น้อง ๆ เกิดแรงบันดาลใจในการค้นหาตัวตนและใครบางคนอาจเริ่มเขียนมากขึ้นหลังจากวันนี้

 

 

 

งานอ่านบทกวี เพราะบทกวีไม่ใช่ตัวประกอบ

ระหว่างอ่านในใจกับอ่านออกเสียง ระหว่างดูการถ่ายทอดสดผ่านหน้าจอกับนั่งหน้าเวทีรอฟังคนอ่านบทกวี ความรู้สึกที่ได้จะแตกต่างกันขนาดไหน? บางสิ่งเราไม่เห็น ไม่ได้ยิน ถ้าเราไม่ได้อยู่ใกล้ บางสิ่งเราไม่อาจรับสัมผัสและรู้สึก หากเราไม่อนุญาตให้บทกวีเปล่งเสียง

 

 

“คนเราต้องมาเจอหน้ากันตัวเป็นๆ บ้าง และบทกวีในงานอ่านบทกวีต้องไม่ใช่ตัวประกอบ” เหมือนฉันจะได้ยินวรพจน์ พันธุ์พงศ์เปรยไว้อย่างนั้น

 

 

เมื่อเย็นวันที่ 17 เริ่มต้นด้วยการเชิญธง NAN POESIE สีแดงสดขึ้นสู่ยอดเสา อันเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงคุณค่าของบทกวี และการแนะนำนิทรรศการภาพเขียน ชุด “เพราะเธอคือบทกวีของชีวิต” ของสุมาลี เอกชนนิยม ซึ่งมีทั้งภาพธรรมชาติที่ได้แรงบรรดาลใจจากการมาพำนักที่น่าน และภาพเหมือนของบุคคลต่างๆ

 

ธงน่านโปเอซี – ธงศิลป์สู่ยอดเสา

 

หลังจากนั้นโมงยามแห่งการอ่านบทกวีก็เริ่มต้นขึ้นที่บ้านๆ น่านๆ

 

กิจกรรมการอ่านบทกวีในค่ำคืนนี้ประเดิมด้วย “บทกวีคือการทรยศ” ของวาด รวี ก่อนที่พันธ​วัฒน์​ เศรษฐวิไล พิธีกรประจำงานอ่านบทกวีจะเชิญกวีคนอื่นๆ จะออกมาร่ายเรียงถ้อยคำของตน ตั้งแต่ยามเย็นไปจนค่ำคืนมีกวีที่มาร่วมอ่านบทกวีจากหลากหลายที่ทั้งไทย พม่า อเมริกา แคนาดา

 

บางคนมาพร้อมดนตรีประกอบการอ่าน บางคนมาด้วยลีลาและท่วงท่าน่าจดจำ บางคนสั่นไหวด้วยตื่นเต้น บางคนนิ่งสงบแผ่วเบาแต่ส่งผ่านบทกวีหนักแน่น บางคนขู่ตะคอกให้เราตื่นจากภวังค์ เนื้อหาสาระในบทกวีก็มีทั้งเรื่องความสัมพันธ์ของคนสองคน ของคนสามคน ไปจนกระทั่งกล่าวถึงระบบต่างๆ ในสังคม

 

นอกจากนี้ หลังจากจบช่วงการอ่านบทกวีแล้ว ก็ยังมี performance art ณัฐนัท สุดฤทธิ์ ให้ผู้ชมได้รู้สึกนึกคิดปิดท้ายด้วย

 

 

 

ส่วนวันที่ 18 ก็อ่านบทกวีภายในตึกรังษีเกษมอันเป็นอาคารเก่าแก่จัดแสดงวัตถุโบราณที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์โรงเรียนน่านคริสเตียน วันนี้มีน้องๆ นักเรียนจากโรงเรียนน่าคริสเตียนมาร่วมฟังด้วย

 

การอ่านบทกวีรอบนี้มีทั้งกลอนเปล่าและฉันทลักษณ์โคลงสี่สุภาพ บางบทมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับพระเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ บางบทก็นำเสนอชีวิตเรียบง่ายของการเดินทางในย่างกุ้งและลงท้ายด้วยคำถามที่กระแทกใจว่าด้วยการถามหาประชาธิปไตย

 

จากนั้นครูต้อมหรืออาจารย์ชโลมใจ ชยพันธนาการก็ได้กล่าวสรุปปิดเทศกาลอ่านบทกวีน่านโปเอซีและขอบคุณผู้สนับสนุนและทีมงานทุกคน

 

 

เราต่างเดินทางไกลเพื่อมาใกล้กัน นั่งฟังบทกวีทั้งกลางวันและกลางคืน

ไม่ใช่บทกวีเพียงสองสามบทแล้วลาจากกันไป

ไม่ใช่เพียงสองสามบทเพื่อเกริ่นเข้าเรื่องอะไรสักอย่าง

แต่คือบทกวีสิบหรือยี่สิบบทที่แตกต่างหลากหลาย

ทว่าให้รู้สึกเท่าเทียม

 

 

นิทรรศการภาพเขียน – “เพราะเธอคือบทกวีของชีวิต”         

 

ภาพวิวทิวทัศน์และธรรมชาติที่ได้รับแรงบันดาลใจจากบรรยากาศของเมืองน่าน รวมถึงภาพเหมือนบุคคลปรากฏอยู่ตามแต่ละจุดของห้องสมุดบ้านๆ น่านๆ

 

 

สุมาลี เอกชนนิยม ศิลปินอิสระ อดีตอาจารย์คณะศิลปวิจิตร สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ปัจจุบันมอบเวลาเต็มที่ให้แก่การวาดภาพ นิทรรศการนี้เป็นงานที่สุมาลีสร้างสรรค์อย่างมีความสุขเพราะไม่ต้องคอยรับโจทย์จากใคร เธอเขียนและวาดจากอารมณ์ความรู้สึกของตนเองล้วนๆ ในช่วงชีวิตหลังเกษียณอายุราชการที่สามารถทุ่มเทเวลาได้เต็มที่กับการสร้างงานศิลปะแต่เพียงอย่างเดียว

 

นิทรรศการ “เพราะเธอคือบทกวีของชีวิต” จะจัดแสดงอยู่ในบริเวณห้องสมุดบ้านๆ น่านๆ จนกระทั่งถึงเดือนมกราคม 2562 เพราะฉะนั้น หากใครมีแผนจะเที่ยวน่านในช่วงธันวาคมปีนี้ถึงมกราคมปีหน้าก็เป็นโอกาสดียิ่งที่คุณจะได้ชมนิทรรศการนี้ด้วย

 

 

 


 

กิจกรรมต่างๆ ในงานน่านโปเอซี ทั้งการเสวนา การอ่านบทกวี นิทรรศการงานศิลป์ และศิลปะการแสดง ล้วนเชื่อมโยงกันด้วย “บทกวี”

 

บ้างมีบทกวีเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์งาน บ้างก็สร้างสรรค์งานออกมาเป็นบทกวี และในบางขณะ “บทกวี” ก็ไปได้ไกลมากกว่าการเป็นเพียงถ้อยคำ

 

งานศิลปะแขนงอื่นอย่างเช่นภาพเขียนของสุมาลี เอกชนนิยม หรือศิลปะการแสดงของณัฐนัท สุดฤทธิ์ก็มีพลังและอาจพิจารณาได้ว่าเป็นบทกวีรูปแบบหนึ่งด้วยก็ได้

 

 

ในงาน NAN POESIE ไม่มีสูงต่ำในบทกวี กวีหนุ่มกวีสาว ไร้ฉันทลักษณ์หรือเต็มไปด้วยรูปแบบและกฎเกณฑ์ ถ้อยคำสามัญหรือสูงส่ง เนื้อความแคบแค่เพียงตัวเราหรือกว้างเท่าจักรวาล จังหวะกระชั้นถี่หรือเนิบช้าทิ้งช่วง แตกต่างหลากหลายแต่ล้วนเคารพซึ่งกันและกัน

 

บทกวีไม่ได้สอนให้คนแบ่งชั้น บทกวีไม่ได้สั่งให้คนแบ่งฝ่าย น่านโปเอซีเป็นงานเรียบง่าย ที่ด้นสดอย่างสร้างสรรค์ในบางขณะ

 

ฉันหวังว่าจะได้พบน่านโปเอซีอีกในปีต่อๆ ไป

 

 

เทศกาล NAN POESIE พื้นที่ที่บทกวีสำคัญเท่าชีวิต และทุกชีวิตเท่ากัน

แล้วพบกันอีกนะ 🙂

 

 


 

นิชานันท์ นันทศิริศรณ์

นิชานันท์ นันทศิริศรณ์

สนใจการอ่านเขียน แต่อ่านน้อย และเขียนน้อยยิ่งกว่าอ่าน เวลาเครียดชอบล้างจาน

ผู้ปกครองตาบอดกับพลเมืองหูหนวก

 

 

เมืองเงียบใบ้

เขาปกครองด้วยเสียงที่ไม่มีใครได้ยิน

พลเมืองรับรู้ผ่านแรงสั่นสะเทือน

ของคลื่นเสียงที่เร่งดังทุกวันศุกร์

ยกมือไม้ชื่นชมยินดีว่าผู้นำเก่งฉกาจ

Read More

เหมือน…ทุกฤดูกาล

 

เหมือน…

เครื่องหมายคำถามกลับหัว

อัศเจรีย์นอนตะแคงตัว

T เข้าคู่กันแบบมั่วซั่ว

คำกล่าวอาลัยใช้ความเงียบปกคลุมความหม่นมัว

 

เงาดำกลางแดดจ้าจัด

ดอกไม้ที่เร่งสลัดกลีบในแสงสลัว

กองไฟกลั้วคอด้วยน้ำแทนเชื้อเพลิง

ลมเหลิงหอบภูผาราวกับกวาดเส้นผม

 

เหมือนจะเข้าใจ…แต่ก็สับสน

เหมือนจะเข้มแข็ง…แต่ก็ร้องไห้ง่ายดาย

 

ความไม่พอใจทั้งหมดทั้งมวล

แปรเป็นเศร้าซึมและโกรธา

หลอมรวมกับความปรารถนาแปลกประหลาด
เหมือนมีทุกสิ่ง แต่ก็รู้สึกขาดไร้ทุกสิ่ง
เหมือนไม่ใช่เธอ

แต่นี่คือส่วนหนึ่งของเธอ
…สมหญิง

 

—–

แด่ฤดูกาลของผู้หญิงทุกคนที่เวียนมาถึงทุกเดือน…

 

*หมายเหตุ*

บทกวีนี้เขียนขึ้นเพื่อร่วมแสดงความยินดีในการรวมเล่มการ์ตูนเรื่อง “สมหญิงรายเดือน” ของ Kwanrapee 

 


 

อิสราวสี

อิสราวสี

เก็บเล็กผสมน้อย จนกลายเป็นบทกวีกระจ้อยร่อยแต่ละบท

error: