ชีวิตของหินทับกระดาษ

 

ก้อนหินก้อนหนึ่งเพ้อรำพัน

ถึงครั้งเก่าก่อนตอนวันหวาน

ทับกระดาษอยู่รู้งาน

เนิ่นนานราวกับจะนิรันดร์

 

“ฉันเป็นหินทับกระดาษ

สามารถนิ่งเฉยไม่เคยหวั่น

ปกป้องแก้วกระดาษเท่าชีวัน

กอดกั้นลมแรงมาพรากไป”

 

เราสองปองรักลืมหลักโลก

มีสุขย่อมมีโศกทุกสมัย

หินทับกระดาษอยู่ไม่รู้อะไร

แท้ใจกระดาษนั้นอาจยับเยิน

 

หินยังยืดอกปกป้อง

กระดาษขุ่นข้องโหยจะเหิน

ลมพัดมาคราใดใจสะเทิน

ไม่นานเกินจะลอยลมสมสบาย

 

ไม่นานหินเริ่มสังเกตเห็น

เปิดประเด็นขุ่นข้องสองสหาย

ดวงใจหินผาจะมาวาย

ด้วยสายลมอ่อนแทรกซอนใจ

 

แม้หินจะรู้และรู้สึก

เก็บลึกหลบเร้นไม่เต้นไหว

ปกป้องเจ้ากระดาษด้วยห่วงใย

มิให้ต้องปลดปลิวเป็นริ้วรอย

 

หินยังทับกระดาษเรื่อยมา

วันหนึ่งเพลาตะวันถอย

ลมโหม…เรียกหา … กระดาษคอย

หินผล็อยเผลอหลับสิ้นดับเเรง

 

กระดาษจึงปลิวไปตามลม

หินกลมตกต่ำสิ้นกำแหง

มองกระดาษเริงร่ารับลมแรง

“การแสดงฉากใหม่ไม่มีเรา”

 

หินรำพึงเพียงนั้นก็กลั้นใจ

เหลือเพียงร่างไร้สุขเศร้า

เยือกเย็นเพียงใดยากทุเลา

เมื่อไม่เข้าใจโลก หินโศกครวญ

 

เนิ่นนานผ่านไปใจหินกร้าน

อ่านโลกรู้รสหมดกำสรวล

แท้แล้วกระดาษเจ้าเข้าสู่ตรวน

แห่งลมรัญจวนป่วนวิญญาณ์

 

สงสารกระดาษกับสายลม

ป่านฉะนี้จักสมสุขหรือหวา

วิ่นแหว่งแบ่งใจไปกี่ครา

ธรรมดาของกระดาษที่ผ่านลม

 

กระดาษเจ้าเอ๋ยไม่เคยผิด

ลมเจ้าเอยใครจะคิดให้ผิดสม

ธรรมดาของสองสิ่งทิ้งให้ชม

ข้าไม่ขอผูกปมระทมใจ

 

แต่ไฉนเข้าใจแล้วยังโศก

ราวกับโรคร้อนรุมสุมทรวงได้

ที่แท้นั้นยังห่วงหาแสนอาลัย

เจ้ากระดาษอาจพบภัย…เท่านั้นเอง

 

(สามย่าน, 2009)

 


 

อิสราวสี

อิสราวสี

เก็บเล็กผสมน้อย จนกลายเป็นบทกวีกระจ้อยร่อยแต่ละบท

Comments

comments

You may also like

Leave a comment

error: