คุณหรี่ตาสู้แสงจ้า
สองหูรับฟังเสียง
เท้าก้าวนับไม่ถ้วน
ยกมือปาดเหงื่อ
เกินกว่าจำนวนก้าว
คุณหรี่ตาสู้แสงจ้า
สองหูรับฟังเสียง
เท้าก้าวนับไม่ถ้วน
ยกมือปาดเหงื่อ
เกินกว่าจำนวนก้าว
นรินทร์ครวญฝากฟุ้งจักรวาล
อังคารก็วักทะเลไปกินเสียเรียบ
แล้วจะเหลืออุปมาใดให้คุณใช้ฟูมฟาย
ความเศร้าของคุณเท่ากับความเศร้าของกวี
แต่บทกวีของคุณไม่เหลือชิ้นดี
ดวงใจระส่ำระสาย
จันทร์กลายเป็นเพียงสัญลักษณ์ฟุ้งฝันที่คนใช้กันเกลื่อนกล่น
ฟ้าดำสนิทราวกับแมวตัวโปรด
โลกในดวงตาของคุณก็มืดดำดุจกัน
ซ้ำเดิม ทั้งห้วงอารมณ์และถ้อยคำ
คุณคร่ำครวญหวนไห้ไม่ต่างจากบรรพบุรุษ
ทว่าน้ำตาของคุณไม่ใช่หยาดเพชร
ไร้คำเยินยอจากนักวิชาการ
คุณกดนิ้วกับคีย์บอร์ดซ้ำๆ
ถี่กระชั้น รัวเร็ว
ทั้งสิบนิ้วและลมหายใจ
เพียงเพื่อให้หมดเรี่ยวแรง
แล้วพรุ่งนี้คุณก็จะหายดี
“จงเขียนประโยคสัญลักษณ์”
คำสั่งจากคนรักของเขา
แด่การจากลาที่ไม่อาจเลี่ยง
เมือง…
เต็มด้วยสรรพสำเนียง
.
เสียงกรีดร้องของเด็กทารก
ละมุนละไม ชุบชูใจ
เมื่อผู้ฟังคือมารดาผู้ให้กำเนิด
.
เสียงกรีดร้องของเด็กขวบเดียว
อาจเท่ากับ-หิว!
เมื่อผู้ฟังคือแม่นม
(หรืออาจเป็นซีอุย!)
.
เสียงกรีดร้องของหญิงสาว
อาจสุขสมเงียบเชียบ
เมื่อชายหนุ่มแนบข้าง
.
เสียงกรีดร้องของผู้ใหญ่วัยกลางคน
อาจคือสิ้นเดือนและมาม่า!
ต่อหน้าต่อตาตู้เอทีเอ็มล้าสมัย
.
เสียงกรีดร้องของผู้ยึดอาชีพอิสระ
อาจคือบรี๊ฟสั้นกว่าหนอนแมลง
และระยะเวลาวางบิลที่ยาวกว่ากำแพงเมืองจีน
เบื้องหน้าเดดไลน์ ที่สะกดคำว่า “ช่วยกันเนอะ” อย่างเร่งร้อน
.
เสียงกรีดร้องของคุณธรรม
อาจคือถ้วยโลหะปลอมๆ
บนหลังตู้เขลอะฝุ่น
.
แต่เสียงกรีดร้องของประชาชน
ย่อมคือหมึกปากกา
ตรงช่องลงคะแนน
.
ความเงียบหลายเดซิเบล
เสียงกรีดร้องเหล่านั้น
รอคอยผู้ฟังอย่างตั้งใจ
แม้ผู้ฟังยังมาไม่ถึง
.
ก้อนหินก้อนหนึ่งเพ้อรำพัน
ถึงครั้งเก่าก่อนตอนวันหวาน
ทับกระดาษอยู่รู้งาน
เนิ่นนานราวกับจะนิรันดร์
คลุ้งกลิ่นคาวเค็ม, ปลาทูในเข่ง
อาวุธของหญิงชรา, ใช้ล่าปลาทูทุกเช้า
ธนบัตรห้าสิบบาทเอนกายลงในกระจาด
1.
ชายลับมีดแปลกหน้า
กระหยิ่มยิ้มฝ่าหมอกมัว
แสวงหาคมเลิศล้ำ
พึมพำเคล็ดวิชา
หินใหญ่ใช่ดีกว่าเล็ก
หาใช่รูปลักษณ์ แต่คือวัสดุ
ที่ก่อเกิดคมแท้
ป้ายประกาศชัด
เขาบอกห้ามเดินลัด
ไม่ควรเหยียบย่ำ
ยอดหญ้าต้องหยัดยืน